แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยบุกรุกขอให้ศาลแสดงว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยต่อสู้ว่าที่พิาพทเป็นของผู้ร้องสอด และจำเลยมิได้บุกรุก ผู้ร้องสอดร้องสอดเข้ามา ก็ให้การยืนยันว่าผู้ร้องสอดเป็นเจ้าของที่พิพาทดังนี้ ประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีจึงมีเป็นประการแรกว่า ที่พิพาทเป็นของใคร ถ้าฟังว่าเป็นของโจทก์ จึงจะมีประเด็นต่อไปว่า จำเลยบุกรุกหรือเปล่า ถ้าฟังว่าที่เป็นของผู้ร้องสอดข้อบุกรุกก็ตกไป ฉะนั้นศาลจะชี้ขาดแต่เพียงว่าจำเลยไม่ได้บุกรุกแล้วพิพากษายกฟ้องโจกท์เสียโดยไม่ชี้ขาดว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือมิใช่ ซึ่งเป็นของโจทก์หรือมิใช่ ซึ่งเป็นข้ออ้างสำคัญที่โจทก์อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาในคดีนี้นี้นจึงมิได้เป็นการตัดสินคดีตามข้อหาในฟ้องของโจทก์ทุกข้อเป็นการปฏิบัติไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติ ป.ว.แพ่ง 142,246
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ นายเกลี้ยงจำเลยบุกรุกขอให้ศาลแสดงว่าที่ดินแปลงพิพาทเป็นของโจทก์ และห้ามจำเลยและบริวารอย่าให้เข้ามาเกี่ยวข้อง นายเกลี้ยงจำเลยต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นของนายเลี้ยง และตัวนายเกลี้ยง มิได้บุกรุก นายเลี้ยงจึงขอเข้ามาเป็นจำเลยร่วม ให้การยืนยันว่าที่พิพาทเป็นของนางเลี้ยงจำเลย ๆ ให้บุตรนายเกลี้ยงจำเลยเข้าไปทำนาแทนนางเลียงจำเลย
ศาลชั้นต้นฟังว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ แต่ถูกจำเลยแย่งการครอบครองเกิน ๑ ปี จึงพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์เห็น่าคดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยบุกรุก จึงพิพากษายืน
โจทก์ฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยกรรมสิทธิที่พิพาทว่าเป็นของใครนั้น ไม่ตรงกันคำขอของโจทก์
ศาลฎีกาเห็นว่าประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีจึงมีเป็นประการแรกว่า ที่พิพาทเป็นโจทก์หรือของนางเลี้ยงจำเลย ถ้าฟังว่าเป็นของโจทก์ จึงจะมีประเด็นต่อไปว่า จำเลยบุกรุกหรือเปล่า ถ้าฟังว่าที่พิพาทเป็นของนางเลี้ยง ข้อบุกรุกก็ย่อมตกไปในตัว การที่ศาลอุทธรณ์ชี้ขาดไว้แต่เพียงข้อบุกรุกข้อเดียวว่า จำเลยไม่ได้บุกรุกแล้วพิพากษายกฟ้องโจกท์เสีย ยังไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติ ป.วิ.แพ่งมาตรา ๑๔๒,๒๔๖ อาศัยอำนาจตาม ป.วิ.แพ่งมาตรา ๒๔๗ ประกอบด้วยมาตรา ๒๔๓ จึงพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เสีย ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาคดีใหม่ตามประเด็นที่กล่าวมา แล้วพิพากษาใหม่ไปตามรูปความ