แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
บรรยายฟ้องว่าจำเลยมีหน้าที่รับผิดชอบเก็บรักษาเงินที่ได้จากการขายของหน้าร้าน รักษาเงินที่ส่งเป็นรายได้ของร้านและเบิกจ่ายเงินแล้วเงินขาดหายไปจากบัญชีจำนวนหนึ่ง โดยไม่ได้แสดงว่าเงินที่ขาดบัญชีเป็นเงินประเภทใด จำนวนเท่าใด ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม เพราะจำเลยย่อมจะเข้าใจและต่อสู้คดีได้ว่ามีเงินอยู่ถูกต้องตรงกับบัญชีหรือขาดจากบัญชีไปเท่าใด ส่วนรายการว่าเงินที่ขาดบัญชีเป็นเงินประเภทใดเป็นรายละเอียดที่ไม่จำต้องกล่าวในฟ้อง
แม้ถ้อยคำในฟ้องบางตอนจะใช้คำว่าจำเลยจงใจหรือประมาทเลินเล่อทำให้โจทก์เสียหาย แต่ก็ได้บรรยายรายละเอียดว่าจำเลยกระทำผิดหน้าที่อันเกิดขึ้นจากสัญญาจ้างแรงงาน จึงเป็นฟ้องที่กล่าวหาว่าจำเลยทำผิดสัญญาจ้างแรงงาน และจะนำอายุความในเรื่องละเมิดมาปรับแก่คดีไม่ได้
(ข้อกฎหมายข้อหลังประชุมใหญ่ครั้งที่ 14/2513)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองเป็นลูกจ้างและตัวแทนของโจทก์ ได้รับมอบให้มีหน้าที่บริหารร้านไทยอุตสาหกรรมกลางโดยจำเลยที่ ๑ เป็นหัวหน้าหมวดการเงินมีหน้าที่รับผิดชอบเก็บรักษาเงินอันได้จากการขายของหน้าร้านรับผิดชอบรักษาเงินที่ส่งเป็นรายได้ของร้าน ทำการเบิกจ่ายเงินนำเงินและใบสำคัญคู่จ่ายส่ง ส่วนจำเลยที่ ๒ เป็นผู้จัดการทั่วไปมีหน้าที่รับผิดชอบทั่วไปและบังคับบัญชาจำเลยที่ ๑ วันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๔๙๗ กรรมการตรวจเงินแผ่นดินตรวจพบว่าเงินของร้านในความดูแลรักษาของจำเลยทั้งสองขาดหายไประหว่างวันที่ ๓ เมษายน ๒๔๙๓ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๔๙๕ เป็นเงิน ๒๘,๘๐๔.๓๔ บาทวันที่ ๑๐ กันยายน ๒๔๙๗ คณะกรรมการสอบสวนเสนอว่า จำเลยทั้งสองประมาทเลินเล่อทำให้โจทก์เสียหาย โจทก์จึงทราบว่า จำเลยทั้ง ๒ ผิดสัญญาจ้างและสัญญาตัวแทนทั้งนี้จำเลยที่ ๑ ปฏิบัติหน้าที่ผิดสัญญาจ้าง หรือสัญญาตัวแทนโดยเจตนาหรือประมาทเลินเล่อโดยผิดกฎหมายและระเบียบแบบแผน ส่วนจำเลยที่ ๒ ต้องรับผิดร่วมด้วยเพราะจงใจหรือประมาทเลินเล่อโดยผิดกฎหมายหรือระเบียบแบบแผนข้อบังคับของโจทก์ ไม่เอาใจใส่ควบคุมตรวจตราจำเลยที่ ๑รักษาเงิน ขอให้ร่วมกันใช้เงินแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้หลายประการ รวมทั้งสู้ว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมและคดีขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นเห็นว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมและคดีโจทก์ขาดอายุความพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าตามฟ้องเข้าใจได้แล้วว่าเงินรายได้ของร้านมีบัญชีแสดงจำนวนเงินที่อยู่ในความรับผิดชอบดูแลรักษาของจำเลยที่ ๑ แต่แล้วปรากฏว่าเงินขาดหายไปจากบัญชี จำเลยย่อมจะเข้าใจและต่อสู้คดีได้ว่ามีเงินอยู่ถูกต้องตรงกับบัญชีหรือขาดจากบัญชีไปจำนวนเท่าไร ส่วนรายการละเอียดว่าเงินที่ขาดจากบัญชีเป็นเงินได้มาจากการขายของอะไร ประเภทใดบ้าง เป็นรายละเอียดที่ไม่จำต้องกล่าวในฟ้อง ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม ส่วนในเรื่องอายุความนั้นแม้ถ้อยคำในฟ้องของโจทก์บางตอนใช้คำว่าจำเลยจงใจหรือประมาทเลินเล่อทำให้โจทก์เสียหาย แต่ฟ้องก็ได้บรรยายรายละเอียดว่ากระทำผิดหน้าที่อันเกิดขึ้นจากสัญญาจ้างแรงงาน เท่ากับกล่าวหาว่าจำเลยมีหน้าที่จะต้องกระทำอยู่ตามสัญญาจ้างแรงงานแล้วละเว้นไม่กระทำหรือกระทำโดยไม่ถูกต้องหรือบกพร่องต่อหน้าที่อันควรต้องกระทำตามสัญญา ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่าเป็นฟ้องที่กล่าวหาว่าจำเลยทำผิดสัญญาจ้างแรงงานจะใช้อายุความ ๑ ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๔๘ ไม่ได้คดีโจทก์ยังไม่ขาดอายุความ
พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นพิพากษาใหม่