คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 12849/2558

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 2 เจ้าของอาคารศูนย์การค้า ซ. จัดลานจอดรถเพื่อให้บริการแก่ร้านค้าที่มาเช่าพื้นที่และลูกค้าของร้านค้าเพื่อจอดรถยนต์ขณะเข้าไปใช้บริการยังร้านค้าที่เช่าพื้นที่ในอาคารศูนย์การค้าและมอบให้บริษัท น. เป็นผู้จัดการให้บริการด้านสาธารณูปโภคทั้งหมดรวมทั้งการรักษาความปลอดภัยภายในอาคารและนอกอาคารโดยมีการแบ่งผลประโยชน์จากการจัดเก็บรายได้จากร้านค้าที่เช่าพื้นที่และรับบริการ จำเลยที่ 2 กับบริษัท น. เป็นบริษัทในเครือเดียวกันและมีวัตถุประสงค์ในการประกอบกิจการค้าหาประโยชน์จากการใช้อาคารศูนย์การค้า ซ. ร่วมกัน โดยจำเลยที่ 2 จัดเก็บค่าเช่าพื้นที่อาคาร ส่วนบริษัท น. จัดเก็บค่าบริการด้านสาธารณูปโภค การที่บริษัท น. เข้าทำสัญญาว่าจ้างรักษาความปลอดภัยกับจำเลยที่ 1 เพื่อให้จัดพนักงานรักษาความปลอดภัยมาดูแลรักษาความปลอดภัยที่อาคารศูนย์การค้าจึงเป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ในการใช้พื้นที่อาคารศูนย์การค้า จำเลยที่ 2 เจ้าของอาคารศูนย์การค้าจัดให้มีพนักงานรักษาความปลอดภัยของจำเลยที่ 1 คอยดูแลรักษาความปลอดภัยอาคารศูนย์การค้าย่อมแสดงให้ผู้มาใช้บริการที่อาคารศูนย์การค้าเข้าใจว่าจำเลยที่ 2 มอบหมายให้จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนดูแลรักษาความปลอดภัยให้แก่ลูกค้า พฤติการณ์ของบริษัท น. กับจำเลยที่ 2 ซึ่งประกอบการค้าร่วมกัน ย่อมถือได้ว่าบริษัท น. กับจำเลยที่ 2 เป็นตัวการด้วยกันในการทำสัญญาว่าจ้างจำเลยที่ 1 รักษาความปลอดภัยอาคารศูนย์การค้า เมื่อรถยนต์ที่โจทก์รับประกันภัยสูญหายเพราะความประมาทเลินเล่อของลูกจ้างของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 จึงต้องร่วมรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ผู้รับประกันภัย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันส่งมอบรถยนต์ยี่ห้อนิสสันหมายเลขทะเบียน ภต 2999 กรุงเทพมหานคร คืนโจทก์ หากคืนไม่ได้ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน 625,096 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 620,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสามให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันส่งมอบรถยนต์ยี่ห้อนิสสันหมายเลขทะเบียน ภต 2999 กรุงเทพมหานคร คืนโจทก์ หากคืนไม่ได้ให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน 620,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2547 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 10,000 บาท ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 3 ค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์และจำเลยที่ 3 ให้เป็นพับ
จำเลยที่ 1 และที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำขอที่ให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 คืนรถยนต์ยี่ห้อนิสสันหมายเลขทะเบียน ภต 2999 กรุงเทพมหานคร แก่โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ 6,000 บาท แทนโจทก์
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า โจทก์เป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์ หมายเลขทะเบียน ภต 2999 กรุงเทพมหานคร จากบริษัทกรุงไทยคาร์เร้นท์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จำเลยที่ 2 ประกอบกิจการให้เช่าพื้นที่ในศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า รัชดา – พระราม 3 บริษัทเซ็นทรัลเรียลตี้ เซอร์วิส พระราม 3 จำกัด ทำสัญญาว่าจ้างจำเลยที่ 1 ดูแลรักษาความปลอดภัยศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า รัชดา – พระราม 3 นายณัฐพงษ์ ได้รับมอบหมายจากบริษัทกรุงไทยคาร์เร้นท์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้เอาประกันภัยให้ขับรถยนต์ที่โจทก์รับประกันภัยไว้ไปให้ลูกค้าดูที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า รัชดา – พระราม 3 ของจำเลยที่ 3 ขณะที่นายณัฐพงษ์ขับรถยนต์เข้าศูนย์การค้าได้รับบัตรจอดรถจากพนักงานรักษาความปลอดภัยของจำเลยที่ 1 ที่บริเวณทางเข้า แล้วนายณัฐพงษ์ขับรถยนต์ไปจอดที่ลานจอดรถชั้น 2 เอ แล้วเข้าไปติดต่อกับลูกค้าที่นัดไว้ เมื่อกลับมาที่ลานจอดรถปรากฏว่ารถยนต์สูญหายไป เพราะพนักงานรักษาความปลอดภัยของจำเลยที่ 1 ไม่ระมัดระวังตรวจบัตรจอดรถโดยเคร่งครัดเป็นการประมาทเลินเล่อและเป็นการทำละเมิดต่อบริษัทกรุงไทยคาร์เร้นท์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด โจทก์ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นเงิน 620,000 บาท ให้แก่ผู้เอาประกันภัยแล้ว สำหรับคดีในส่วนของจำเลยที่ 1 เป็นอันยุติไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้รับผิดต่อโจทก์และคดีในส่วนจำเลยที่ 3 เป็นอันยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ยกฟ้อง
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 2 ว่า บริษัทเซ็นทรัลเรียลตี้ เซอร์วิส พระราม 3 จำกัด ทำสัญญาจ้างรักษาความปลอดภัยกับจำเลยที่ 1 เพียงบริษัทเดียว ถือว่าจำเลยที่ 2 เป็นตัวการหรือไม่ ข้อเท็จจริงรับฟังได้ตามที่โจทก์และจำเลยที่ 2 นำสืบว่า จำเลยที่ 2 เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์อาคารศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า รัชดา – พระราม 3 แต่เพียงผู้เดียว จำเลยที่ 2 ประกอบกิจการให้เช่าพื้นที่เป็นศูนย์การค้า มีบริการลานจอดรถ นายอรรนพ พยานจำเลยที่ 2 เบิกความว่า จำเลยที่ 2 เป็นผู้เก็บค่าเช่าพื้นที่ และมอบหมายให้บริษัทเซ็นทรัลเรียลตี้ เซอร์วิส พระราม 3 จำกัด เป็นผู้จัดการให้บริการด้านสาธารณูปโภคทั้งหมด เช่น การรักษาความสะอาดและการรักษาความปลอดภัย และเป็นผู้จัดเก็บค่าบริการ บริษัทเซ็นทรัลเรียลตี้ เซอร์วิส พระราม 3 จำกัด ทำสัญญาจ้างรักษาความปลอดภัยกับจำเลยที่ 1 ดังนี้ จำเลยที่ 2 เจ้าของอาคารศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า รัชดา – พระราม 3 จัดลานจอดรถเพื่อให้บริการแก่ร้านค้าที่มาเช่าพื้นที่และลูกค้าของร้านค้าเพื่อจอดรถยนต์ขณะเข้าไปใช้บริการยังร้านค้าที่เช่าพื้นที่ในอาคารศูนย์การค้าและมอบให้บริษัทเซ็นทรัลเรียลตี้ เซอร์วิส พระราม 3 จำกัด เป็นผู้จัดการให้บริการด้านสาธารณูปโภคทั้งหมดรวมทั้งการรักษาความปลอดภัยภายในอาคารและนอกอาคารโดยมีการแบ่งผลประโยชน์จากการจัดเก็บรายได้จากร้านค้าที่เช่าพื้นที่และรับบริการ ทั้งปรากฏตามหนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัทของจำเลยที่ 2 และบริษัทเซ็นทรัลเรียลตี้ เซอร์วิส พระราม 3 จำกัด ว่า กรรมการหลายคนเป็นกรรมการทั้งสองบริษัท และจำเลยที่ 2 กับบริษัทเซ็นทรัลเรียลตี้ เซอร์วิส พระราม 3 จำกัด ประกอบกิจการค้าเพื่อผลประโยชน์จากอาคารศูนย์การค้าเดียวกัน เชื่อได้ว่าจำเลยที่ 2 กับบริษัทเซ็นทรัลเรียลตี้ เซอร์วิส พระราม 3 จำกัด เป็นบริษัทในเครือเดียวกันและมีวัตถุประสงค์ในการประกอบกิจการค้าหาประโยชน์จากการใช้อาคารศูนย์การค้า เซ็นทรัลพลาซ่า รัชดา – พระราม 3 ร่วมกัน โดยจำเลยที่ 2 จัดเก็บค่าเช่าพื้นที่อาคาร ส่วนบริษัทเซ็นทรัลเรียลตี้ เซอร์วิส พระราม 3 จำกัด จัดเก็บค่าบริการด้านสาธารณูปโภค การที่บริษัทเซ็นทรัลเรียลตี้ เซอร์วิส พระราม 3 จำกัด โดยนายกอบชัยและนางสาวสุวิมล ซึ่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัทเซ็นทรัลเรียลตี้ เซอร์วิส พระราม 3 จำกัด และจำเลยที่ 2 ด้วยเข้าทำสัญญาว่าจ้างรักษาความปลอดภัยกับจำเลยที่ 1 เพื่อให้จัดพนักงานรักษาความปลอดภัยมาดูแลรักษาความปลอดภัยที่อาคารศูนย์การค้า จึงเป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ในการใช้พื้นที่อาคารศูนย์การค้า จำเลยที่ 2 เจ้าของอาคารศูนย์การค้าจัดให้มีพนักงานรักษาความปลอดภัยของจำเลยที่ 1 คอยดูแลรักษาความปลอดภัยอาคารศูนย์การค้า ย่อมแสดงให้ผู้มาใช้บริการที่อาคารศูนย์การค้าเข้าใจว่า จำเลยที่ 2 มอบหมายให้จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนดูแลรักษาความปลอดภัยให้แก่ลูกค้า พฤติการณ์ของบริษัทเซ็นทรัลเรียลตี้ เซอร์วิส พระราม 3 จำกัด กับจำเลยที่ 2 ซึ่งประกอบการค้าร่วมกัน ย่อมถือได้ว่าบริษัทเซ็นทรัลเรียลตี้ เซอร์วิส พระราม 3 จำกัด กับจำเลยที่ 2 เป็นตัวการด้วยกันในการทำสัญญาว่าจ้างจำเลยที่ 1 รักษาความปลอดภัยอาคารศูนย์การค้า จำเลยที่ 2 จึงต้องร่วมรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาข้อนี้ของจำเลยที่ 2 ฟังไม่ขึ้น
ที่จำเลยที่ 2 ฎีกาต่อไปว่า สัญญาว่าจ้างรักษาความปลอดภัยเป็นสัญญาจ้างทำของ ผู้ว่าจ้างไม่ต้องร่วมรับผิดกับผู้รับจ้างนั้น เห็นว่า คดีนี้จำเลยที่ 2 ให้การแต่เพียงว่า จำเลยที่ 2 ไม่เคยว่าจ้างจำเลยที่ 1 เป็นผู้รักษาความปลอดภัย ดังนี้ คดีระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 จึงไม่มีประเด็นในเรื่องของสัญญาว่าจ้างรักษาความปลอดภัยว่าเป็นสัญญาจ้างทำของหรือไม่ ในศาลล่างทั้งสอง จำเลยที่ 2 เพิ่งยกปัญหาข้อนี้ขึ้นอ้างมาในฎีกา จึงเป็นฎีกาในข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลล่างทั้งสอง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share