แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ด. มีขาลีบเวลาเดินต้องใช้ไม้เท้าค้ำยัน แต่ ด. มีอาชีพคุมงานก่อสร้าง ต้องขับขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านไปคุมงานทุกวัน แสดงว่า ด.มีความสามารถขับขี่รถจักรยานยนต์ได้ การที่ไม่ได้รับอนุญาตให้มีใบอนุญาตขับขี่ยานพาหนะตามพระราชบัญญัติรถยนต์ จึงไม่เป็นเหตุที่จะทำให้ฟังว่า ด. ประมาท
การที่ ป. ซึ่งเป็นผู้เลี้ยงดูโคแทนจำเลยทั้งสองปล่อยโคขึ้นไปกินหญ้าบนไหล่ถนนอันเป็นทางหลวงระหว่างจังหวัดโดยอิสระ ไม่ผูกเชือกหรือจับจูงไว้ เป็นการปล่อยปละละเลยไม่ระมัดระวังดูแลสัตว์ตามสมควรเพราะถนนมิใช่ที่เลี้ยงสัตว์สาธารณะ จำเลยทั้งสองจึงเป็นฝ่ายประมาทก่อน แต่การที่ ด. เห็นโคเดินอยู่ข้างถนนแล้วยังขับขี่รถจักรยานยนต์เข้าใกล้และบีบแตร เป็นเหตุให้โคตกใจและขวิดรถจักรยานยนต์ทำให้ ด. ถึงแก่ความตาย ถือได้ว่าเป็นความประมาทของ ด. ส่วนหนึ่งด้วย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ (ในฐานะส่วนตัว) เป็นภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายของนายเดชา เด็กหญิงอัจฉราและเด็กชายเชาวการผู้เยาว์เป็นบุตรซึ่งเกิดจากนายเดชา นายเดชาได้ขับขี่รถจักรยานยนต์มาตามถนนสายขอนแก่น-นครราชสีมา มีโคของจำเลยทั้งสองหลายตัวเดินสวนทางมา เมื่อใกล้จะถึงนายเดชาได้บีบแตรขึ้น ทันใดนั้นโคตัวหนึ่งได้พุ่งเข้าขวิดรถจักรยานยนต์ที่นายเดชาขับขี่มาเป็นเหตุให้นายเดชากระเด็นตกเกือบถึงขอบถนนฝั่งขวา ศีรษะฟาดพื้นถนนถึงแก่ความตาย ทั้งนี้เพราะจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นเจ้าของผู้ครอบครองมิได้ใช้ความระมัดระวังอันสมควรแก่การเลี้ยงรักษา ทั้งโคที่ขวิดเป็นโคดุ จำเลยชอบที่จะกั้นรั้วกั้นคอกจำกัดเขต ถ้านำมาเลี้ยงนอกบริเวณก็ชอบที่จะหาคนมาควบคุมดูแลป้องกันมิให้โคเดินเกะกะกีดขวางความสะดวกของผู้ใช้ยานพาหนะ การป้องกันดังกล่าวนี้จำเลยหาได้กระทำไม่โจทก์ทั้งสามได้รับความเสียหาย ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการปลงศพและต้องขาดไร้อุปการะ ขอบังคับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชดใช้ค่าเสียหาย ๒๐๐,๐๐๐ บาทกับดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การว่า โคของจำเลยทั้งสองเป็นโคเชื่อง จำเลยมีผู้ดูแลและระมัดระวังในการเลี้ยงโค นายเดชาผู้ตายมีเท้าซ้ายลีบและพิการเวลาเดินต้องใช้ไม้เท้าพยุง และไม่มีใบอนุญาตขับขี่ ต้องใช้ไม้เท้าแทนเท้าในการเปลี่ยนเกีย วันเกิดเหตุโคของจำเลยอยู่ที่ไหล่ถนน นายเดชาขับขี่รถจักรยานยนต์มาด้วยความเร็วสูงและแฉลบเข้าไปชิดถนนด้านขวาของโคแล้วบีบแตรขึ้น โคตกใจเสียงแตรจึงหันไป พอดีรถจักรยานยนต์ที่นายเดชาขับมาชนที่เขาข้างขวาทำให้ตะแกรงหน้ารถสวมเข้าไปในเขาโค โคจึงสะบัดเขาเป็นเหตุให้นายเดชากระเด็นตกจากรถและถึงแก่ความตายเหตุที่เกิดขึ้นเป็นเพราะความประมาทของนายเดชาผู้เดียว ค่าเสียหายอย่างมากไม่เกิน ๕,๐๐๐ บาท ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ผู้เลี้ยงโคของจำเลยทั้งสองประมาทไม่ระมัดระวังดูแลเท่าที่ควร นายเดชาผู้ตายก็มีส่วนประมาทเพราะขับขี่รถเข้าไปใกล้และบีบแตรทำให้โคตื่นตกใจ จึงให้จำเลยทั้งสองรับผิดต่อโจทก์ครึ่งหนึ่ง พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชำระเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บาทกับดอกเบี้ยนับแต่วันละเมิดจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าศาลชั้นต้นคิดดอกเบี้ยให้ตั้งแต่วันทำละเมิด เป็นการเกินคำขอ พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำเลยทั้งสองชำระดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้นายเดชาจะมีขาลีบเวลาเดินต้องใช้ไม้เท้าค้ำยันแต่ปรากฏว่านายเดชามีอาชีพคุมงานก่อสร้างต้องขับขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านไปคุมงานทุกวัน แสดงว่านายเดชามีความสามารถขับขี่รถจักรยานยนต์ได้ การที่ไม่ได้รับอนุญาตให้มีใบอนุญาตขับขี่ยานพาหนะตามพระราชบัญญัติรถยนต์ จึงไม่เป็นเหตุที่จะทำให้ฟังว่านายเดชาประมาท ถนนสายขอนแก่น – นครราชสีมาเป็นทางหลวงระหว่างจังหวัดการที่นายปรีดาซึ่งเป็นผู้เลี้ยงดูโคแทนจำเลยทั้งสองปล่อยโคขึ้นไปกินหญ้าบนไหล่ถนน เป็นการปล่อยปละละเลยไม่ระมัดระวังดูแลสัตว์ตามสมควร เพราะถนนมิใช่ที่เลี้ยงสัตว์สาธารณะ แม้เป็นเวลาเย็นโคจะกลับคอก นายปรีดาก็มีหน้าที่ที่จะต้องระมัดระวังพาโคกลับคอก มิใช่ปล่อยโคให้เป็นอิสระเดินบนไหล่ถนนตามลำพังโดยไม่ผูกเชือกหรือจับจูงไว้ จำเลยทั้งสองจึงเป็นฝ่ายประมาท ก่อนแต่การที่นายเดชาเห็นโคเดินอยู่ข้างถนนแล้วยังขับขี่รถจักรยานยนต์เข้าใกล้และบีบแตรเป็นเหตุให้โคตกใจ โคจึงขวิดรถจักรยานยนต์เป็นเหตุให้นายเดชาถึงแก่ความตาย ถือได้ว่าเป็นความประมาทของนายเดชาส่วนหนึ่งด้วยที่ศาลล่างทั้งสองให้จำเลยทั้งสองรับผิดกึ่งหนึ่งของความเสียหายนั้นเป็นการชอบด้วยพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว
พิพากษายืน