แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีฟ้องเรียกค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์อันมีทุนทรัพย์ไม่เกินสองหมื่นบาท และขอให้ขับไล่ผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์ซึ่งในขณะยื่นคำฟ้องอาจให้เช่าได้ไม่เกินเดือนละสองพันบาท จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิจารณาสืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียวแล้วพิพากษาให้จำเลยแพ้คดี จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วให้ยกคำร้อง จำเลยอุทธรณ์ว่าจำเลยมิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ดังนี้ เป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2518 มาตรา 3 และต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2518 มาตรา 7 ศาลฎีกาพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดที่ ๖๔๕๒ โดยซื้อมาจากนายดิลก เอี่ยมพิภักดิ์ ก่อนขายให้โจทก์ นายดิลกได้ให้จำเลยเช่าเพื่อปลูกสร้างตึกแถวค่าเช่าเดือนละ ๔๐๐ บาท จำเลยได้ปลูกสร้างตึกแถวรวม ๑๓ ห้อง
ในที่ดินนี้ เมื่อโจทก์รับโอนมาแล้วได้บอกกล่าวให้จำเลยมาทำสัญญาเช่ากับโจทก์ จำเลยเพิกเฉย โจทก์จึงบอกเลิกสัญญาเช่ากับจำเลย ให้จำเลยและบริวารรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปภายใน ๖๐ วัน จำเลยก็ไม่ยอมไปอีก จำเลยต้องชำระค่าเช่าแก่โจทก์โดยตรงนับแต่เดือนมกราคม ๒๕๑๗ จนถึงเดือนมิถุนายน ๒๕๑๗ รวม ๖ เดือน ๒,๔๐๐ บาท แต่จำเลยไม่ชำระ และอยู่ในที่ดินโจทก์ต่อมา เป็นการละเมิด โจทก์เสียหายเพราะสามารถให้เช่าได้เดือนละ ๑,๐๐๐ บาท ขอคิดค่าเช่าตั้งแต่เดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม ๒๕๑๗ อันเป็นเดือนที่ฟ้องเป็นเงิน ๒,๐๐๐ บาท ขอให้ศาลบังคับจำเลยและบริวารรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดินโจทก์และห้ามเกี่ยวข้องให้จำเลยชดใช้ค่าเช่าที่ค้าง ๒,๔๐๐ บาท กับค่าเสียหายอีก ๒,๐๐๐ บาท และค่าเสียหายเดือนละ ๑,๐๐๐ บาท ตั้งแต่เดือนกันยายน ๒๕๑๗ เป็นต้นไปจนกว่าจะออกจากที่ดินโจทก์
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นจึงดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียว แล้วพิพากษาขับไล่จำเลยและบริวาร ให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างไปจากที่ดินตามฟ้อง ให้จำเลยใช้ค่าเช่าที่ค้าง ๒,๔๐๐ บาท กับค่าเสียหายเดือนละ ๖๐๐ บาท นับแต่เดือนกรกฎาคม ๒๕๑๗ เป็นต้นไปจนกว่าจะออกจากที่ดินโจทก์
จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ โดยอ้างว่าเพิ่งทราบว่าถูกฟ้อง จำเลยมิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว ให้ยกคำร้องจำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องเรียกค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์อันมีทุนทรัพย์ไม่เกินสองหมื่นบาท และขอให้ขับไล่จำเลยซึ่งเป็นผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งในขณะยื่นคำฟ้องอาจให้เช่าได้ไม่เกินเดือนละสองพันบาท ที่จำเลยอุทธรณ์ว่าจำเลยมิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณานั้น เป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง อุทธรณ์ของจำเลยจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๒๔ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๑๘ มาตรา ๓ ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยให้เป็นการไม่ชอบ และต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๔๙ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๑๘ มาตรา ๗
พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์