แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ไม้ของกลางได้ทำตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 17 (1) ซึ่งป่าไม้เขตเป็นเจ้าหน้าที่ทำเพื่อประโยชน์ในการบำรุงป่า โดยทำสัญญาให้บริษัทอุดมวนผลจำกัด รับจ้างตัดฟันชักลากออกจากป่าแล้วจะขายไม้ให้บริษัท การทำไม้รายนี้จึงเป็นการทำและชักลากออกจากป่าโดยไม่อยู่ในบังคับของมาตรา 11 ที่ว่าต้องรับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
มาตรา 38 ไม่ใช่บทบังคับเรื่องชักลากไม้ออกจากป่า แต่เป็นบทบัญญัติเรื่องการนำไม้เคลื่อนที่หลังจากนำไม่ที่ทำออกตามใบอนุญาตไปถึงที่อันระบุไว้ในใบอนุญาต กับหลังจากนำไม่ที่ทำออกโดยไม้ต้องรับอนุญาตไปถึงด่านป่าไม้ด่านแรกแล้ว ไม่ใช่บทบัญญัติเพียงแต่นำไม้เคลื่อนที่โดยไม่มีใบอนุญาตเท่านั้น เมื่อไม้รายนี้ไม่ใช่ไม้ที่ทำโดยมีใบอนุญาต จึงไม่มีที่ระบุให้นำไปตามใบอนุญาต ทั้งไม่ใช่ไม้อื่นที่ไม่ใช่ไม้หวงห้ามอ้นจะทำได้โดยไม่ต้องรับอนุญาตตาม มาตรา 25 กับทั้งยังไม่ถึงด่านป่าไม้ด่านแรก กรณีเช่นนี้ ไม่ผิดฐานนำไม้ เคลื่อนที่ตาม มาตรา 38
การแปรรูปไม้ ถ้าทำที่ตอโดยถูกต้องตามที่ยกเว้นไว้ใน มาตรา 50 (1) ย่อมไม่อยู่ในความมุ่งหมายของบทบัญญัติที่ควบคุมการแปรรูปไม้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยสมคบกันใช้ผู้อื่นชักลากล่องเคลื่อนย้ายไม้เดี่ยว ซึ่งเป็นไม้หวงห้าม ๒๖๒ แผ่น ปริมาณ ๒๕.๔๕ ลูกบาศก์เมตร ออกจากป่า โดยไม่มีใบเบิกทางและไม่รับอนุญาตนำไม้ล่วงด่านป่าไม้ โดยไม่แจ้งต่อเจ้าพนักงานด่านป่าไม้ สมคบกันแปรรูปไม้และมีไว้โดยไม่รับอนุญาต สมควรกันมีตราไม้เอกชนโดยไม่จดทะเบียนและใช้ตราประทับไม้ผิดพระราชบัญญัติป่าไม้ ขอให้ลงโทษและริบไม้กับตราของกลาง
จำเลยทั้งสองปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่า ในข้อหาชักลากไม้ไม่มีใบเบิกทางนั้น ไม้รายนี้เจ้าพนักงานนำออกตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ มาตรา ๑๗ ข้อ ๑ ในการบำรุงป่า ไม่ต้องมีใบอนุญาต ไม่อยู่ในบังคับของมาตรา ๓๘ ทั้งยังไม่ผ่านด่านป่าไม้ จึงไม่ผิดฐานนี้
ในข้อหาฐานแปรรูป และมีไม้แปรรูป การอนุญาตให้แปรรูปไม้ตามที่จำเลยขอนี้ ไม่ได้กระทำโดยพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามกฎกระทรวง จำเลยไม่พ้นผิด
ในข้อหาฐานมีและใช้ตราเอกประทับไม้โดยไม่จดทะเบียนนั้น ตรา อ.ว.ย. เป็นของบริษัทได้จดทะเบียนไม่แล้ว ต่อมามีกฎกระทรวงฉบับที่ ๑๒ ให้จดทะเบียนใหม่ภายใน ๑ ปี ซึ่งต้องกระทำก่อนวันที่ ๑๘ เมษายน ๒๔๙๙ ฟ้องระบุวันใช้ตราคาบเกี่ยวตั้งแต่ก่อนวันดังกล่าว จึงไม่แน่ว่าจำเลยกระทำผิดหลังจากที่ต้องนำตราไปจะทะเบียน เอาโทษจำเลยไม่ได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำเลยทั้งสองผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ มาตรา ๔๘ วางโทษตามฉบับที่ ๓ พ.ศ. ๒๔๙๔ มาตรา ๗๓ ปรับคนละ ๒๐๐ บาท ไม้ของกลางเป็นของทางราชการทำ จึงไม่ริบ
โจทก์จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ข้อหาฐานนำไม้เคลื่อนที่และใช้ตราไม่จดทะเบียนนั้น ศาลชั้นต้นวินิจฉัยชอบแล้ว ส่วนข้อหาฐานแปรรูปไม้นั้น แม้จะถือว่า เป็นการทำโดยไม่ได้รับอนุญาตอันถูกต้องตามกฎหมาย จำเลยก็สำคัญผิดในข้อเท็จจริงว่าได้รับอนุญาตให้ทำได้แล้ว จึงไม่ควรมีผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๖๒ วรรคแรก พิพากษาแก้ให้ยกฟ้อง โจทก์ทั้งหมด
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว คดีนี้รับกันว่า ไม้รายนี้ได้ทำตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ มาตรา ๑๗ (๑) ซึ่งป่าไม้เขตเป็นเจ้าหน้าที่ทำเพื่อประโยชน์ในการบำรุงป่า โดยทำสัญญาให้บริษัทอุดมวนผลจำกัด รับจ้างตัดฟันชักลากออกจากป่าแล้วจะขายไม้ให้บริษัท การทำไม้รายนี้จึงเป็นการทำและชักลากออกจากป่าโดยไม่อยู่ในบังคับของมาตรา ๑๑ ที่ว่าต้องรับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
ข้อหาฐานนำไม้เคลื่อนที่ตาม มาตรา ๓๘ โจทก์ฎีกาว่า ข้อสำคัญอยู่ที่จำเลยได้เคลื่อนย้ายไม้โดยไม่รับอนุญาตเท่านั้นที่เป็นความผิด ศาลฎีกาเห็นว่า มาตรา ๓๘ ไม่ใช่บทบังคับเรื่องชักลากไม้ออกจากป่า แต่เป็นบทบัญญัติเรื่องการนำไม้เคลื่อนที่หลังจากนำไม่ที่ทำออกตามใบอนุญาตไปถึงที่อันระบุไว้ในใบอนุญาต กับหลังจากนำไม่ที่ทำออกโดยไม้ต้องรับอนุญาตไปถึงด่านป่าไม้ด่านแรกแล้ว ไม่ใช่บทบัญญัติเพียงแต่นำไม้เคลื่อนที่โดยไม่มีใบอนุญาตเท่านั้น เมื่อไม้รายนี้ไม่ใช่ไม้ที่ทำโดยมีใบอนุญาต จึงไม่มีที่ระบุให้นำไปตามใบอนุญาต ทั้งไม่ใช่ไม้อื่นที่ไม่ใช่ไม้หวงห้ามอ้นจะทำได้โดยไม่ต้องรับอนุญาตตาม มาตรา ๒๕ กับทั้งยังไม่ถึงด่านป่าไม้ด่านแรก จึงไม่มีทางที่จะพิจารณาความผิดของจำเลยตามบทกฎหมายนี้
ข้อหาฐานแปรรูปไม้ โดยไม่รับอนุญาตซึ่งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัย แตกต่างกันมานั้น ศาลฎีกาเห็นว่า การแปรรูปไม้ ถ้าทำที่ตอโดยถูกต้องตามที่ยกเว้นไว้ใน มาตรา ๕๐ (๑) ย่อมไม่อยู่ในความมุ่งหมายของบทบัญญัติที่ควบคุมการแปรรูปไม้ดังฟ้อง
ส่วนข้อหาฐานใช้ตราเอกชนโดยไม่จดทะเบียนนั้น ศาลฎีกาเห็นฟ้องด้วยคำวินิจฉัยของศาลล่าง
พิพากษายืน