คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2809/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่1เป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทส่วนจำเลยที่2เป็นผู้สลักหลังจำเลยทั้งสองต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา900จำเลยที่1มีหน้าที่นำสืบให้ได้ความตามข้ออ้างที่ว่าจำเลยที่1สั่งจ่ายเช็คพิพาทให้บริษัทส.เพื่อเป็นการค้ำประกันการเช่าซื้อรถยนต์จำเลยที่1ชำระค่าเช่าซื้อครบแล้วมูลหนี้ตามเช็คพิพาทระงับไปเมื่อนำสืบไม่ได้ก็ไม่จำต้องวินิจฉัยพยานหลักฐานของโจทก์เกี่ยวกับมูลหนี้ตามเช็คพิพาทอีก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองได้ชำระหนี้ให้แก่โจทก์ตามเช็คโดยมีจำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อสั่งจ่าย จำเลยที่ 2ลงลายมือชื่อสลักหลังเช็คเมื่อเช็คถึงกำหนด โจทก์นำไปเข้าบัญชีของโจทก์ เพื่อเรียกเก็บเงิน แต่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชำระเงินตามเช็คพร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองให้การว่า เช็คพิพาทเป็นเช็คที่จำเลยที่ 1ออกให้เพื่อค้ำประกันการเช่าซื้อรถยนต์ระหว่างจำเลยที่ 1 กับบริษัทสุรินทร์เครดิต จำกัด ซึ่งมีโจทก์เป็นผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว โจทก์กับจำเลยที่ 1 ตกลงกันว่า หากจำเลยที่ 1 ชำระหนี้ค่างวดรถยนต์เรียบร้อยแล้ว โจทก์จะคืนเช็คพิพาทให้แก่จำเลยที่ 1 ซึ่งจำเลยที่ 1 ได้ผ่อนชำระค่าเช่าซื้อรถยนต์ให้แก่โจทก์ครบถ้วนแล้ว แต่โจทก์ไม่คืนเช็คพิพาทให้ส่วนลายมือชื่อที่สลักหลังเช็คพิพาทนั้นไม่ใช่ลายมือชื่อจำเลยที่ 2 จำเลยทั้งสองจึงไม่ต้องรับผิดตามเช็คพิพาท ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันและแทนกันชำระเงินตามเช็คพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทซึ่งจำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งจ่าย จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อเป็นผู้สลักหลังเช็คพิพาท ฉะนั้นในเบื้องต้นต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่า จำเลยทั้งสองต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คพิพาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 900 การที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่าเช็คพิพาทจำเลยที่ 1 ได้สั่งจ่ายให้บริษัทสุรินทร์เครดิตจำกัด เพื่อเป็นการค้ำประกันการเช่าซื้อรถยนต์ เมื่อจำเลยที่ 1ชำระค่าเช่าซื้อให้ครบถ้วนแล้วมูลหนี้ตามเช็คพิพาทจึงเป็นอันระงับไป จำเลยที่ 1 ไม่ต้องรับผิดตามเช็คต่อโจทก์จำเลยที่ 2ในฐานะผู้อาวัลเช็คพิพาทจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์เช่นกันนั้นจำเลยที่ 1 มีหน้าที่ต้องนำสืบข้ออ้างดังกล่าว เมื่อจำเลยทั้งสองไม่มีสัญญาซื้อขายหรือสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ที่จำเลยที่ 1 อ้างว่าทำกับบริษัทสุรินทร์เครดิต จำกัด มานำสืบให้เห็นว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างที่จำเลยที่ 1 อ้าง พยานหลักฐานที่จำเลยทั้งสองนำสืบไม่พอฟังหักล้างข้อสันนิษฐานของกฎหมายข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ออกเช็คพิพาทเพื่อค้ำประกันค่าเช่าซื้อและได้ชำระค่าเช่าซื้อแล้วคดีไม่จำต้องวินิจฉัยพยานหลักฐานของโจทก์เกี่ยวกับมูลหนี้ตามเช็คพิพาทอีกดังที่จำเลยทั้งสองฎีกา
พิพากษายืน

Share