แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ทั้งสามบรรยายฟ้องบรรยายฟ้องว่าน. บิดาของโจทก์ทั้งสามเข้าหุ้นกับจำเลยทั้งสามทำกิจการปั้นจั่นรับจ้างทั่วไปต่อมาน. และจำเลยทั้งสามตกลงกันว่าน. ขอคืนหุ้นปั้นจั่่นและหุ้นในห้างหุ้นส่วนดังกล่าวทั้งหมดให้แก่จำเลยทั้งสองและจำเลยทั้งสามจะคืนเงินค่าหุ้นจำนวน600,000บาทโดยแบ่งชำระเป็น3งวดให้แก่ให้น. ดังนี้ข้ออ้างในคำฟ้องของโจทก์ไม่ได้แบ่งแยกราคาตามประเภทของหุ้นคงเรียกร้องรวมกันมาว่าจำเลยทั้งสามไม่ชำระราคาค่าหุ้นตามที่ตกลงกันไว้เท่านั้นคดีจึงไม่มีเหตุที่โจทก์จะต้องบรรยายฟ้องแยกราคาตามประเภทของหุ้นจึงถือได้ว่าฟ้องโจทก์ได้บรรยายโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาคำขอบังคับและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเพียงพอที่จะให้จำเลยทั้งสามเข้าใจและต่อสู้คดีได้ถูกต้องฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม บันทึกข้อตกลงซื้อขายหุ้นมีข้อสัญญาว่าน. บิดาของโจทก์ทั้งสามขอคืนหุ้นปั้นจั่นกับหุ้นในห้างหุ้นส่วนให้แก่จำเลยทั้งสามจำเลยทั้งสามจะชำระเงินคืนให้น. จำนวน600,000บาทโดยแบ่งชำระเป็น3งวดและน. จะเซ็นชื่อให้จำเลยทั้งสามในใบโอนหุ้นของห้างหุ้นส่วนดังนี้ข้อสัญญาดังกล่าวจึงเป็นสัญญาต่างตอบแทนที่ต่างฝ่ายจะต้องปฏิบัติการชำระหนี้แก่กัน
ย่อยาว
โจทก์ทั้งสามฟ้องว่า นายนิกรบิดาของโจทก์ทั้งสามและจำเลยทั้งสามตกลงกันว่า นายนิกรขอคืนหุ้นปั้นจั่นและหุ้นในห้างหุ้นส่วนทั้งหมดให้แก่จำเลยทั้งสาม จำเลยทั้งสามจะคืนเงินสดค่าหุ้นให้นายนิกร จำนวน 600,000 บาท แบ่งชำระเป็น 3 งวด งวดละ200,000 บาท จำเลยทั้งสามชำระเพียง 2 งวด และงวดที่ 2 ชำระเพียง 50,000 บาท ยังค้างชำระอีก 250,000 บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามรวมกันชำระเงิน 357,066.50 บาท และดอกเบี้ยร้อยละ7.5 ต่อปี จากต้นเงิน 350,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ทั้งสาม
จำเลยทั้งสามให้การว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ไม่เป็นที่เข้าใจได้ว่า เงินที่ค้างชำระจำนวน 350,000 บาท เป็นค่าหุ้นในกิจการปั้นจั่นหรือเป็นคาหุ้นในห้างหุ้นส่วน จำเลยทั้งสามได้รับโอนหุ้นในส่วนของกิจการปั้นจั่นเท่านั้น ส่วนหุ้นของห้างหุ้นส่วนยังไม่ได้รับโอน นายนิกร ยังคงมีชื่อเป็นหุ้นส่วนอยู่ จำเลยทั้งสามยังไม่ผิดนัด ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงิน 350,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2535จนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลย ทั้ง สาม อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
จำเลย ทั้ง สาม ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พิเคราะห์แล้ว ในเบื้องต้นจำเลยทั้งสามฎีกาว่า ฟ้องเคลือบคลุม เพราะมิได้บรรยายถึงที่มาของการบันทึก(เอกสารหมาย จ.2) ว่า มีการตกลงเรื่องการโอนหุ้นกันอย่างไรจะโอนหุ้นให้เมื่อใด จำนวนเงินที่จะต้องชำระค่าหุ้นนั้นแบ่งเป็นค่าหุ้นในกิจการส่วนใดบ้าง มีการโอนหุ้นให้จำเลยทั้งสามแล้วหรือไม่เพียงใด แต่จำเลยทั้งสามให้การต่อสู้ไว้แต่เพียงว่าฟ้องเคลือบคลุมไม่เป็นที่เข้าใจได้ว่าเงินที่ค้างชำระจำนวน 350,000 บาท นั้นเป็นค่าหุ้นในกิจการปั้นจั่นหรือเป็นค่าหุ้นในหุ้นส่วน และเงินจำนวน250,000 บาท ที่ได้ชำระไปแล้ว เป็นค่าหุ้นในกิจการปั้นจั่นหรือเป็นค่าหุ้นส่วนห้างหุ้นส่วน ดังนี้คดีจึงมีประเด็นที่ศาลฎีกาจะวินิจฉัยเฉพาะฎีกาที่ว่า ฟ้องจะต้องบรรยายแบ่งแยกราคาค่าหุ้นในแต่ละประเภทหรือไม่ เห็นว่า ข้ออ้างในคำฟ้องของโจทก์ไม่ได้แบ่งแยกราคาตามประเภทของหุ้น คงเรียกร้องรวมกันมาว่าจำเลยทั้งสามไม่ชำระราคาค่าหุ้นตามที่ตกลงขอคืนหุ้นกันไว้ ดังนั้น จึงไม่มีเหตุที่โจทก์จะต้องบรรยายฟ้องแยกราคาตามประเภทของหุ้น ถือได้ว่าฟ้องโจทก์ได้บรรยายโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหา เพียงพอที่จะที่จะให้จำเลยทั้งสามเข้าใจและต่อสู้คดีได้ถูกต้อง ฟ้องไม่เคลือบคลุม
ปัญหาต่อไป เกี่ยวกับความรับผิดในการชำระเงินค่าซื้อขายหรือค่าโอนหุ้น จำเลยทั้งสามฎีกาว่า ตามบันทึกข้อตกลงซื้อขายหรือโอนหุ้นเอกสารหมาย จ.2 มีความผูกพันว่า เมื่อจำเลยทั้งสามชำระเงินค่าหุ้นครบถ้วนแล้ว นายนิกร บิดาของโจทก์ทั้งสามจะต้องโอนหุ้นในห้างหุ้นส่วนให้แก่จำเลยทั้งสาม หากจำเลยทั้งสามไม่ชำระเงินค่าหุ้นตามที่ตกลง นายนิกรก็มีสิทธิจะริบเงินค่าหุ้นที่ได้ชำระแล้ว แต่ไม่มีสิทธิเรียกร้องเอาเงินค่าหุ้นที่ยังไม่ได้ชำระเนื่องจากตามบันทึกข้อตกลงเอกสารหมาย จ.2 ไม่มีข้อความบังคับให้จำเลยทั้งสามต้องรับซื้อหุ้น ดังนั้น หากจำเลยทั้งสามไม่ชำระเงินค่าหุ้น โจทก์ทั้งสามก็มีสิทธิเข้าถือหุ้นแทนนายนิกรได้อยู่แล้วและจนบัดนี้นายนิกร ก็ยังคงมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นอยู่ในห้างหุ้นส่วนดังกล่าว หากจำเลยทั้งสามต้องชำระเงินค่าหุ้นตามฟ้อง ก็จะทำให้โจทก์มีทั้งสิทธิที่จะถือหุ้นและยังได้รับเงินค่าหุ้นอีก ในปัญหานี้ปรากฎตามบันทึกข้อตกลงซื้อขายหรือโอนหุ้นเอกสารหมาย จ.2มีข้อสัญญาว่า นายนิกรบิดาของโจทก์ทั้งสามขอคืนหุ้นปั้นจั่นกับหุ้นในห้างหุ้นส่วนให้แก่จำเลยทั้งสาม จำเลยทั้งสามจำชำระเงินหรือคืนเงินให้นายนิกร 600,000 บาท แบ่งชำระเป็น 3 งวด ตามวันที่ระบุไว้ในบันทึก และนายนิกรจะเซ็นชื่อให้จำเลยทั้งสามในใบโอนหุ้นของห้างหุ้นส่วนดังนี้ จึงมีหนี้หรือความผูกพันระหว่างนายนิกรกับจำเลยทั้งสาม โดยจำเลยทั้งสามจะต้องชำระเงินค่าหุ้นจำนวน600,000 บาท และฝ่ายโจทก์ก็จะต้องโอนหุ้นให้แก่จำเลยทั้งสามเมื่อมีนิติสัมพันธ์กันเช่นนี้ฝ่ายโจทก์ก็มีสิทธิที่จะเรียกให้จำเลยทั้งสามชำระเงินที่ค้างจนครบถ้วน เมื่อชำระครบถ้วนฝ่ายโจทก์ก็จะต้องโอนหุ้นให้แก่จำเลยทั้งสาม เป็นสัญญาต่างตอบแทนซึ่งต่างฝ่ายต่างจะต้องปฏิบัติการชำระหนี้แก่กัน ที่จำเลยทั้งสามฎีกาว่านายนิกรยังมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนอันเป็นเหตุให้จำเลยทั้งสามไม่ต้องชำระเงินค่าหุ้นจึงฟังไม่ขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า เมื่อจำเลยทั้งสามชำระเงินตามคำพิพากษาแก่โจทก์ทั้งสามครบถ้วนแล้ว ให้โจทก์ทั้งสามโอนหุ้นในห้างหุ้นส่วนจำกัดบางชันทรานสปอร์เตชั่นแก่จำเลยทั้งสาม มิฉะนั้นให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของโจทก์ทั้งสาม นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์