คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8181/2547

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำว่า “พนักงานสอบสวน” ตาม ป.อ. มาตรา 167 มีความหมายว่า ต้องเป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบในคดีนั้นเท่านั้น ดังนั้น การให้เงินแก่เจ้าพนักงานตำรวจซึ่งไม่ได้เป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบในคดีนั้นเพื่อให้ช่วยเหลือไม่ดำเนินคดี จึงมิใช่เป็นการให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่พนักงานสอบสวนตามความหมายของบทบัญญัติดังกล่าว จึงไม่มีความผิดตามมาตรานี้ คงมีความผิดตามมาตรา 144 เท่านั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ป.อ. มาตรา 144, 167, 34, 83 กับให้ริบเงินของกลางจำนวน 150,000 บาท และนับโทษจำเลยที่ 2 ต่อจากโทษของจำเลยในคดีเดิม
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ แต่จำเลยที่ 2 รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 144, 167 การกระทำของจำเลยที่ 2 เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตาม ป.อ. มาตรา 167 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตาม ป.อ. มาตรา 90 จำคุก 4 ปี จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและทางนำสืบของจำเลยที่ 2 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสามตาม ป.อ. มาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี 8 เดือน ริบเงินจำนวน 150,000 บาท ของกลาง และให้นับโทษจำเลยที่ 2 ต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ย. 2548/2543 ของศาลชั้นต้น ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ (ที่ถูกน่าจะเป็นพิพากษาแก้เป็นว่า) ให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2 ให้คืนเงินของกลางแก่เจ้าของ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2543 พันตำรวจตรีกรวัฒน์กับพวกจับกุมจำเลยที่ 2 ได้พร้อมเมทแอมเฟตามีนจำนวน 4,800 เม็ด เงินจำนวน 12,000 บาท และสร้อยคอทองคำพร้อมพระเลี่ยมทองเป็นของกลาง เมื่อพันตำรวจตรีกรวัฒน์นำจำเลยที่ 2 มาที่สถานีตำรวจแล้วจำเลยที่ 2 ได้ให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นญาตินำเงินจำนวน 150,000 บาท มามอบให้พันตำรวจตรีกรวัฒน์กับพวก เพื่อให้พันตำรวจตรีกรวัฒน์ช่วยเหลือไม่ดำเนินคดีและปล่อยตัวจำเลยที่ 2 ไป มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยที่ 2 กระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า ขณะนั้นพันตำรวจตรีกรวัฒน์มิได้เป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบในคดีนั้น การกระทำของจำเลยที่ 2 ดังกล่าว จึงมิใช่เป็นการให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่พนักงานสอบสวนตามความหมายของมาตรา 167 แห่ง ป.อ. จำเลยที่ 2 จึงไม่มีความผิดตามมาตรานี้ คงมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 144 แต่เพียงบทเดียว ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยบางส่วน ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้นบางส่วน
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 144 จำคุก 3 ปี คำให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและทางนำสืบของจำเลยที่ 2 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตาม ป.อ. มาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี ริบเงินจำนวน 150,000 บาท ของกลาง และให้นับโทษจำเลยที่ 2 ต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ย. 2548/2543 ของศาลชั้นต้น นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

Share