คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 818/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีก่อนโจทก์ฟ้องว่า ได้นำเจ้าพนักงานรังวัดที่ดิน 3 แปลงเพื่อขอรับโฉนด แต่จำเลยคัดค้านว่าเป็นที่สาธารณ ศาลให้ทำแผนที่วิวาทและพิพากษาว่าที่ดินตามแผนที่วิวาทเป็นของโจทก์ คดีถึงที่สุดแล้วโจทก์มาฟ้องคดีนี้ใหม่ว่าโจทก์ขอออกโฉนดที่ดินรายนี้ชนะคดี จำเลยคัดค้านว่าโจทก์นำวัดรุกล้ำที่สาธารณไม่รับรองเขตให้ เจ้าพนักงานจึงออกโฉนดให้โจทก์ไม่ได้จึงขอให้จำเลยรับรองแนวเขตอย่าให้ขัดขวางในการที่โจทก์จะออกโฉนด ดังนี้ เป็นกรณีที่น่าจะบังคับกันได้ในการบังคับคดีเรื่องก่อน จึงเป็นฟ้องซ้ำ.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ที่ดินตามแผนที่ท้ายฟ้องเป็นของโจทก์-ตามคำพิพากษาคดีหมายเลขแดงที่ ๑๔๗/๒๕๐๑ โดยโจทก์ฟ้องจำเลยและจำเลยต่อสู้ว่าเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินต่อมา พ.ศ.๒๕๐๒ โจทก์ยื่นเรื่องราวขอรับโฉนด จำเลยคัดค้านว่าโจทก์นำรังวัดล้ำที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน ไม่รับรองแนวเขตให้จึงขอให้บังคับจำเลยรับรองเขตที่ดิน
จำเลยให้การว่า โจทก์ปักหมุดรุกล้ำเข้าไปในเขตถนน และตัดฟ้องว่าโจทก์ฟ้องซ้ำคดีก่อน โจทก์ชอบที่จะใช้สิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ๒๑๓ และโจทก์ไม่ปฏิบัตตามประมวลกฏหมายที่ดินมาตรา ๕๙,๖๐ ทั้งไม่มีกฏหมายบังคับให้จำเลยต้องรับรองแนวเขตของโจทก์ แม้จำเลยไม่รับรองเจ้าพนักงานก็ออกโฉนดให้โจทก์ตามที่เป็นจริงได้
ศาลชั้นต้นไปตรวจดูสภาพที่ดิน ได้วัดระยะจากหลักที่ ๒๒๐๖๘๖ ไปทางตะวันตกถึงต้นมะพร้าวได้ระยะทางยาว ๕ วา กับ ๒.๔๐ เมตร ทั้งสองฝ่ายโต้เถียงกันว่าจุดมุมด้านตะวันออกเฉียงเหนือของที่ดินโจทก์อยู่ตรงไหน โจทก์ว่าอยู่ที่ต้นมะพร้าว จำเลยว่าอยู่ห่างหลักที่ ๒๒๐๖๘๖ ไปทางทิศตะวันตก ๕ วา ทั้งสองฝ่ายขอให้ศาลวินิจฉัยเพียงข้อเดียวว่า จุดเริ่มต้นของที่ดินโจทก์ทางมุมตะวันออกเฉียงเหนือตามแผนที่กลางในคดีแพ่งแดงที่ ๑๔๗/๒๕๐๑ ซึ่งโจทก์ชนะความนั้น เริ่มต้นแต่ตรงไหน
ศาลชั้นต้นงดสืบพยาน และวินิจฉัยว่า จากหลักที่ ๒๒๐๖๘๖ ไป ๕ วา ไม่มีต้นมะพร้าว ต่อไปอีก ๒.๔๐ เมตร จึงมีต้นมะพร้าว เมื่อดูแผนที่กลางแล้วปรากฏว่า มุมที่ดินของโจทก์อยู่ห่างจากหลักที่ ๒๒๐๖๘๖ ไป ๕ วา เป็นจุดเริ่มต้น ไม่ใช่ตรงต้นมะพร้าว ฉะนั้นที่จำเลยไม่ยอมรับรองแนวเขตจึงถูกแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ว่าเขตที่ดินโจทก์อยู่ตรงต้นมะพร้าว
ศาลอุทะรณ์เห็นว่า ข้อเท็จจริงยังไม่ปรากฏว่า โจทก์วัดที่หรือปักหลักรุกล้ำเขตถนนเพียงใดหรือไม่ สมควรที่ศาลชั้นต้นจะได้ฟังพยานหลักฐานต่อไป จึงยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้พิจารณาและพิพากษาใหม่ตามรูปความ
จำเลยฎีกาว่า คู่ความขอให้ศาลออกไปดูสภาพที่ดิน และขอให้ศาลวินิจฉัยข้อเดียวว่า จุดเริ่มต้นของที่ดินตามที่ดจทก์ชนะความจำเลยนั้น อยู่ตรงไหน เท่ากับ+เป็นประเด็นข้อแพ้ชนะกัน ที่ศาลอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาพิพากษาใหม่หาชอบไม่ และว่าจุดเริ่มต้นของที่ดินโจทก์อยู่ตรงที่วัดจากหลักที่ ๒๒๐๖๘๖ ไปทางตะวันตก ๕ วา ตกจุดใดถือเป็นจุดเริ่มต้น กับตัดฟ้องว่าโจทก์ฟ้องซ้ำกับคดีก่อน
ศาลฎีกาปรีกษาแล้ว ในแระเด็นที่ว่า โจทก์ฟ้องซ้ำหรือไม่นั้น ไม่ความในคดีก่อนโจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้นำเจ้าพนักงานรังวัดที่ดิน ๓ แปลงเพื่อขอรับโฉนด แต่จำเลยยื่นคำร้องคัดค้านว่าเป็นที่สาธารณ ไม่ใช่ที่ดินของจำเลยทั้งหมด ศาลได้ทำแฟนที่วิวาทและพิพากษาว่าที่ดินตามแผนที่วิวาทเป็นของโจทก์ คดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์ไปนำเจ้าพนักงานรังวัดที่ดินตามแผนที่ซึ่งตนชนะคดี จำเลยได้คัดค้านว่าโจทก์นำรังวัดเกินจากแผนที่ที่ตนชนะคดี จำเลยจึงไม่ยอมรับรองแนวเขต โจทก์ก็เถียงว่า นำรังวัดตามแผนที่ซึ่งตนเป็นผู้ชนะ เมื่อจำเลยม่ยอมรับรองแนวเขต โจทก์จึงฟ้องเป็นคดีใหม่ คือ คดีเรื่องนี้ ใจความในฟ้องก็คือว่า โจทก์ขอออกโฉนดที่ดินรายที่ชนะคดี จำเลยคัดค้านว่าโจทก์นำวัดรุกล้ำที่สาธารณ จึงไม่รับรองเขตให้ เจ้าพนักงานจึงออกโฉนดให้โจทก์ไม่ได้ จึงขอให้จำเลยรับรองแนวเขต อย่าให้ขัดขวางในการที่โจทก์จะออกโฉนด
ศาลฎีกาเห็นว่า เป็นกรณีที่น่าจะบังคับกันได้ในการบังคับคดีเรื่องก่อน ประเด็นในคดีใหม่นี้ ก็พิจารณาตามแผนที่วิวาทซึ่งทำกันไว้ในคดีก่อน เพื่อให้รู้ว่าโจทก์นำรังวัดเกินเลยแผนที่วิวาทหรือไม่ เป็นการวินิจฉัยซ้ำกับประเด็นในคดีที่ศาลได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้ว จึงเป็นฟ้องซ้ำต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๑๔๘.
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง.

Share