คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8170/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การกระทำความผิดฐานเป็นธุระจัดหา ฯ และฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังตาม ป.อ. มาตรา 283 วรรคสาม กับมาตรา 310 วรรคแรก แม้จะเป็นการกระทำที่ต่อเนื่องกัน แต่สามารถแยกเจตนาในการกระทำความผิดออกจากกัน องค์ประกอบในการกระทำผิดก็ต่างกัน ทั้งการกระทำความผิดฐานหนึ่งก็ไม่จำต้องกระทำความผิดอีกฐานหนึ่งก่อน จึงเป็นการกระทำต่างกรรมต่างวาระ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งหกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๓ , ๓๑๐ , ๙๑ , ๓๓ พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๗ , ๗๒ และสั่งริบสมุดบัญชีรายรับจากการค้าประเวณี ๔ เล่ม และถุงยางอนามัย ๙๐ อัน ที่เป็นของกลางด้วย
จำเลยทั้งหกให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งหกมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๓ วรรคสาม , ๓๑๐ วรรคแรก ประกอบมาตรา ๘๓ การกระทำของจำเลยทั้งหกเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑… ข้อหาอื่นให้ยก
โจทก์และจำเลยทั้งหกอุทธรณ์
ระหว่างพิจารณา จำเลยที่ ๔ ถึงแก่ความตาย ศาลอุทธรณ์ภาค ๗ ให้จำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ ๔ ออกจากสารบบความ
ศาลอุทธรณ์ภาค ๗ พิพากษาแก้เป็นว่า สำหรับความผิดฐานร่วมกันเป็นธุระจัดหาล่อไปหรือชักพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งหญิงเพื่อสำเร็จความใคร่ของผู้อื่นและฐานร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังนั้น ให้ลงโทษจำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๓ ที่ ๕ และที่ ๖ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๓ วรรคสาม , ๘๓… และจำเลยที่ ๑ มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๗ , ๗๒ วรรคสาม นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ จำเลยที่ ๑ ที่ ๕ และที่ ๖ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า… สำหรับปัญหาตามฎีกาโจทก์ที่ว่า ความผิดฐานเป็นธุระจัดหาฯ และฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังเป็นความผิดต่างกรรมกันหรือไม่นั้น เห็นว่า การกระทำความผิดของจำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๓ ที่ ๕ และที่ ๖ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๓ วรรคสาม กับมาตรา ๓๑๐ วรรคแรก แม้จะเป็นการกระทำที่ต่อเนื่องกัน แต่สามารถแยกเจตนาในการกระทำความผิดออกจากกัน องค์ประกอบในการกระทำผิดก็ต่างกัน ทั้งการกระทำความผิดฐานหนึ่งก็ไม่จำต้องกระทำความผิดอีกฐานหนึ่งก่อน การกระทำของจำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๓ ที่ ๕ และที่ ๖ จึงเป็นการกระทำต่างกรรมต่างวาระ หาใช่กรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทไม่ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๗ พิพากษาว่าเป็นความผิดกรรมเดียวกันนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ในข้อนี้ฟังขึ้น…
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๓ ที่ ๕ และที่ ๖ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๑๐ วรรคแรก อีกกระทงหนึ่ง… สำหรับจำเลยที่ ๑ ความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ… นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๗.

Share