แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยใช้ปืนลูกซองสั้นยิงตรงไปที่กลางวงการพนัน ซึ่งมีผู้เสียหายกับพวกนั่งห่างกลางวงการพนันนั้นประมาณ 1 ศอก โดยจำเลยรู้ว่าปืนนั้นมีอำนาจทำให้กระสุนปืนแผ่กระจายไปในรัศมีประมาณ 0.50 เมตร จำเลยย่อมจะรู้หรือควรจะรู้ได้ว่า กระสุนปืนที่ยิงไปนั้นอาจถูกผู้เสียหายหรือบุคคลที่อยู่ในรัศมีของกระสุนปืนที่จำเลยยิงได้ ฉนั้น เมื่อกระสุนปืนไปถูกผู้เสียหาย จำเลยย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้น ถือว่าจำเลยกระทำโดยเจตนา
จำเลยใช้ปืนซึ่งเป็นอาวุธร้ายแรงกระทำร้ายและกระสุนปืนมีอำนาจรุนแรงการกระทำจึงอยู่ในลักษณะที่อาจจะทำให้ผู้เสียหายถึงตายได้ จำเลยย่อมมีความผิดฐานพยายามฆ่า
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่จำเลยให้การในชั้นสอบสวนและเบิกความในชั้นพิจารณาว่า ได้ยิงปืนไปที่วงพนันจริง กับเบิกความรับถึงอำนาจยิงของปืนอีกด้วย ดังนี้นับว่าคำเบิกความของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การวินิจฉัยคดี ควรปราณีลดโทษให้จำเลย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้ปืนลูกซองสั้นยิงผู้เสียหายกับพวกซึ่งอยู่ร่วมกันในวงการพนัน ๑ นัด โดยเจตนาฆ่า แต่กระสุนปืนถูกผู้เสียหายตรงที่ไม่สำคัญ และพลาดไม่ถูกคนอื่น ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๘ , ๘๐ กับริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๘ , ๘๐ จำคุก ๑๐ ปี ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๙๗ จำคุก ๓ ปี ลดโทษหนึ่งในสาม ตามมาตรา ๗๘ คงจำคุก ๒ ปี ให้นับโทษแต่วันถูกควบคุม
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยใช้ปืนยิงตรงไปที่กลางวงการพนันซึ่งมีผู้เสียหายกับพวกนั่งห่างกลางวงการพนันประมาณศอกเศษ โดยจำเลยรู้ว่าปืนนั้นมีอำนาจทำให้กระสุนปืนแผ่กระจายไปในรัศมีกว้างประมาณ ๐.๕๐ เมตร จำเลยย่อมจะรู้หรือควรจะรู้ได้ว่ากระสุนปืนที่ยิงไปนั้น อาจถูกผู้เสียหายหรือบุคคลที่อยู่ในรัศมีของกระสุนปืนที่จำเลยยิงได้ ฉนั้น การที่จำเลยใช้ปืนยิงไปที่กลางวงการพนัน และกระสุนปืนไปถูกผู้เสียหาย จำเลยย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้นได้ ถือว่าจำเลยกระทำโดยเจตนา
จำเลยใช้ปืนซึ่งเป็นอาวุธร้ายแรงกระทำร้าย และกระสุนปืนมีอำนาจรุนแรง การกระทำจึงอยู่ในลักษณะที่อาจจะทำให้ผู้เสียหายกับพวกถึงตายได้จำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่า
จำเลยให้การชั้นสอบสวนและเบิกความชั้นพิจารณาว่า ได้ยิงปืนไปที่วงการพนันจริง และเบิกความรับถึงอำนาจยิงของปืนจำเลยด้วย ดังนี้ นับว่าคำเบิกความของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การวินิจฉัยคดี ควรปราณีลดโทษให้จำเลย
พิพากษาแก้ว่าจำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๘ ประกอบด้วยมาตรา ๘๐ จำคุก ๑๐ ปี ลดหนึ่งในสาม ตามมาตรา ๗๘ คงจำคุก ๖ ปี ๘ เดือน ริบของกลาง นอกจากที่แก้ยืน.