คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1076-1079/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ที่ไม่มีสิทธิในที่ดิน แม้จะได้ไปแจ้งการครอบครองได้รับ ส.ค.1และได้รับหนังสือรับรองการทำประโยชน์ น.ส.3 ก็ไม่ก่อให้เกิดสิทธิครอบครอง ในที่นั้น
รับซื้อที่ดินซึ่งมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ น.ส.3 ไว้โดยสุจริตเสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนโดยถูกต้องตามกฎหมาย แต่เมื่อปรากฏว่าผู้ที่มีชื่อในหนังสือรับรองการทำประโยชน์ น.ส.3 ไม่มีสิทธิในที่ดินนั้น ผู้ซื้อก็ไม่มีสิทธิอย่างใด

ย่อยาว

คดีสี่สำนวนนี้ศาลพิพากษารวมกันสองสำนวนแรกนายสงวนเป็นโจทก์ฟ้องนายทองอยู่กับนายละม่อม เป็นจำเลยหาว่าบุกรุกเข้ามาทำประโยชน์ในที่ดินที่โจทก์เป็นเจ้าของและมีสิทธิครอบครอง ขอให้จำเลยออกไปจากที่ดิน

นายทองอยู่กับนายละม่อมให้การต่อสู้ว่าโจทก์ไม่ใช่เจ้าของที่ดินแต่เป็นของนางเซาะ ซึ่งจำเลยเช่ามา

นางเซาะร้องสอดเข้ามาเป็นจำเลยร่วม ว่าที่ดินตามฟ้องโจทก์เป็นของนางเซาะ แล้วนางเซาะเป็นโจทก์ฟ้องนายสงวน นายเลิศและฟ้องนายสงวน จ่าเอกพยนต์ นายปลีก รวม 2 สำนวนว่านายเลิศจ่าเอกพยนต์ นางปลีกเคยเช่านานางเซาะทำ ต่อมาทั้ง 3 คนไปขอให้ทางอำเภอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้ แล้วได้ทำนิติกรรมไปยังนายสงวนจำเลยโดยไม่มีสิทธิ ขอให้ศาลแสดงว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์

จำเลยสองสำนวนหลังให้การต่อสู้ว่านายเลิศ จ่าเอกพยนต์นางปลีก ซื้อที่พิพาทมาจากคนอื่น ได้แจ้งการครอบครองและได้รับหนังสือรับรองการทำประโยชน์แล้วจึงขายให้นายสงวนไปโดยสุจริตเสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนถูกต้อง ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นฟังว่า นาพิพาทอยู่ในจำนวน 750 ไร่ตาม ส.ค.1ของนางเซาะ นายเลิศ จ่าเอกพยนต์เคยเช่านาพิพาทจากนางเซาะ จึงไม่มีอำนาจไปแจ้งการครอบครองทั้งไม่มีอำนาจขอออก น.ส.3 ฯลฯ พิพากษาให้นางเซาะเป็นเจ้าของสิทธิครอบครองที่ดินพิพาท

นายสงวน บัวรอด โจทก์สองสำนวนแรกอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

นายสงวน กับพวกฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่าในชั้นอุทธรณ์ นายสงวนอุทธรณ์ผู้เดียวจ่าเอกพยนต์ นางปลีก และนายเลิศ ไม่ได้อุทธรณ์ คดีของทั้ง 3 คนจึงยุติไปแล้ว ไม่มีสิทธิที่จะฎีกาต่อไป คงเหลือเฉพาะกรณีพิพาทระหว่างนายสงวนกับนางเซาะ นายทองอยู่ นายละม่อม เท่านั้นและฟังข้อเท็จจริงว่าที่พิพาทเป็นส่วนหนึ่งของนาที่นางเซาะได้ซื้อมาจากเจ้าของเดิม เมื่อ พ.ศ. 2490 และเชื่อว่าจ่าเอกพยนต์ นางปลีก และนายเลิศ ได้เช่านาพิพาทจากนางเซาะจริง นางเซาะจึงมีสิทธิในที่พิพาทดีกว่าจ่าเอกพยนต์ นางปลีกและนายเลิศการที่บุคคลทั้ง 3ได้แจ้งการครอบครองได้รับ ส.ค.1 และได้รับหนังสือรับรองการทำประโยชน์ น.ส.3 จึงไม่ก่อให้เกิดสิทธิครอบครองในที่พิพาทแต่ประการใด เพราะไม่ใช่เจ้าของ เมื่อไม่ใช่เจ้าของแล้ว แม้นายสงวนจะได้รับซื้อไว้จากบุคคลทั้ง 3 โดยสุจริตเสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนโดยถูกต้องตามกฎหมายก็ไม่มีสิทธิอย่างใดเพราะผู้รับโอนย่อมไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน

พิพากษายืน

Share