คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 816/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ทนายความย่อมมีอำนาจว่าความและดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆแทนตัวความได้ แต่ทนายความไม่มีอำนาจรับเงินซึ่งจะชำระแก่ตัวความ เว้นแต่จะได้รับมอบหมายจากตัวความ
ส.แพ้คดีโจทก์ได้นำเงินที่จะต้องชำระแก่โจทก์ตามคำพิพากษาไปชำระแก่จำเลยซึ่งเป็นทนายความของโจทก์ โดยโจทก์มิได้มอบหมายให้จำเลยมีอำนาจรับไว้ได้ เงินที่จำเลยรับไว้จึงยังมิใช่เป็นเงินของโจทก์แม้จำเลยจะเบียดบังเอาเงินที่ได้รับไว้นั้นเป็นของตนโดยทุจริต ก็ยังไม่เป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ของโจทก์ โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายไม่มีสิทธินำคดีมาฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์มอบให้จำเลยเป็นทนายความในคดีที่โจทก์ฟ้อง ส.คดีถึงที่สุดตามคำพิพากษาของศาลฎีกาให้ ส. ชำระเงินแก่โจทก์ 56,600 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ย จำเลยได้เบียดบังเอาเงินจำนวนดังกล่าวซึ่ง ส. นำมามอบให้จำเลยไว้ในฐานะเป็นทนายความของโจทก์เพื่อชำระหนี้ให้โจทก์ ไปโดยทุจริตขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352, 354

จำเลยให้การปฏิเสธ

ในวันนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์แถลงว่าจำเลยได้รับเงินโดยโจทก์มิได้เป็นผู้อนุญาตให้ไปรับแทน ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้ ให้งดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้ววินิจฉัยว่า จำเลยได้รับเงินจาก ส. โดยมิได้รับมอบหมายจากโจทก์จึงมิได้เป็นผู้ยักยอกทรัพย์ของโจทก์ พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

จำเลยฎีกา

ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า โจทก์จ้างจำเลยเป็นทนายศาลฎีกามีคำพิพากษาถึงที่สุดไปแล้วให้นายสุรพงษ์กับพวก ชำระค่าเสียหายให้โจทก์ นายสุรพงษ์นำเงินจำนวน6 หมื่นบาทเศษไปชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้แก่จำเลย จำเลยรับเงินไว้แล้วไม่นำไปมอบแก่โจทก์ คงมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยว่า การที่จำเลยรับเงินไว้โดยโจทก์มิได้มอบหมายจะถือว่าจำเลยยักยอกเงินของโจทก์ได้หรือไม่

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ทนายความที่ตัวความแต่งตั้งย่อมมีอำนาจว่าความและดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ แทนตัวความได้ แต่ทนายความไม่มีอำนาจรับเงินซึ่งจะชำระแก่ตัวความ เว้นแต่จะได้รับมอบหมายจากตัวความนั้น เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า ส. นำเงินที่จะต้องชำระแก่โจทก์ไปชำระแก่จำเลย โดยโจทก์มิได้มอบหมายให้จำเลยมีอำนาจรับไว้ได้ เงินที่จำเลยรับไว้จึงยังมิใช่เป็นเงินของโจทก์ แม้จำเลยจะเบียดบังเอาเงินที่ได้รับไว้นั้นเป็นของตนโดยทุจริต ก็ยังไม่เป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ของโจทก์ และโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีสิทธินำคดีมาฟ้อง

พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share