คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1952/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์เป็นฝ่ายนำสืบก่อน จำเลยนำเอกสารหมาย ล.1(หนังสือโจทก์ยกที่พิพาทให้จำเลย) มาอ้างภายหลังจากที่โจทก์ได้สืบพยานบุคคลเสร็จสิ้นไปแล้ว ในขณะที่โจทก์เบิกความจำเลยก็มิได้ถามค้านถึงเอกสารหมาย ล.1 และโจทก์ได้คัดค้านไว้แล้วฉะนั้นเอกสารหมาย ล.1 จึงรับฟังไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 89 วรรคสอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ที่ 1 มีบุตร 10 คน โจทก์ที่ 2 และจำเลยล้วนเป็นบุตรของโจทก์ที่ 1 โจทก์ที่ 1 ได้แบ่งที่ดินของตนออกเป็น 11 แปลง ยกให้บุตรทุกคน คนละแปลงกันไว้เป็นส่วนของตนเอง 1 แปลง คือแปลงที่ 11 โจทก์ที่ 2 ได้ที่ดินแปลงที่ 1 จำเลยได้ที่ดินแปลงที่ 2 จำเลยได้ละเมิดต่อโจทก์ทั้งสอง โดยหลอกลวงให้เจ้าพนักงานที่ดินออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในที่ดินโจทก์แปลงที่ 1 และแปลงที่ 11 ในนามจำเลยเป็นเจ้าของนอกจากนี้จำเลยยังประพฤติเนรคุณต่อโจทก์ที่ 1 โดยไม่ยอมอุปการะเลี้ยงดูโจทก์ที่ 1 โจทก์ที่ 1 มีสิทธิเรียกถอนคืนการให้ได้ ขอให้ศาลสั่งแสดงว่าที่ดินแปลงที่ 1 และแปลงที่ 11 เป็นกรรมสิทธิ์และสิทธิครอบครองของโจทก์ที่ 2 และที่ 1 ตามลำดับ และขอให้ศาลสั่งเพิกถอนการให้ที่ดินแปลงที่ 2 กลับคืนเป็นของโจทก์ที่ 1 ตามเดิม

จำเลยให้การว่า จำเลยมิได้ละเมิดวต่อโจทก์ จำเลยได้ที่พิพาทมาเป็นชื่อจำเลยโดยโจทก์ทั้งสองนำชี้เขตยกให้ในวันเจ้าหน้าที่ไปรังวัด โจทก์ฟ้องคดีเกิน 1 ปีนับแต่วันที่ออก น.ส. 3 ก. รายนี้ คดีจึงขาดอายุความ จำเลยมิได้เนรคุณต่อโจทก์ที่ 1 ขอให้ศาลยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าที่พิพาทแปลงที่ 1 เป็นของโจทก์ที่ 2 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ที่ 1 ฎีกา

ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว คดีคงมีประเด็นมาสู่ศาลฎีกาเฉพาะที่ดินแปลงที่ 11 ซึ่งโจทก์ที่ 1 ฎีกาว่าไม่เคยยกให้จำเลยเท่านั้น ปัญหานี้ฝ่ายจำเลยมีพยานหลักฐานอ้างว่าโจทก์ที่ 1 ได้ทำหนังสือแสดงเจตนายกให้จำเลยแล้วตามเอกสารหมาย ล.1

ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้โจทก์เป็นฝ่ายนำสืบก่อน จำเลยนำเอกสารหมาย ล.1 นี้มาอ้างภายหลังจากที่โจทก์ได้สืบพยานบุคคลเสร็จสิ้นไปแล้วในขณะที่โจทก์ที่ 1 มาเบิกความจำเลยก็มิได้ถามค้านถึงเอกสารหมาย ล.1 นี้ไว้ เพื่อให้โจทก์ที่ 1 มีโอกาสอธิบายเกี่ยวกับเอกสารดังกล่าวนี้เลย และโจทก์ได้บันทึกคัดค้านไว้ในคำร้องขอระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลยแล้วว่า เอกสารหมาย ล.1 ที่จำเลยนำมาอ้างเพิ่มเติมภายหลังนี้เป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายทั้งเป็นเอกสารปลอม ฉะนั้น เอกสารหมาย ล.1 นี้จึงรับฟังไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 89 วรรคสอง ฯลฯ

พิพากษาแก้เป็นว่า ที่พิพาทแปลงที่ 11 เป็นสิทธิครอบครองของโจทก์ที่ 1 ห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share