คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 816/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ตรวจบัญชีไม่ได้แจ้งการตรวจและไม่ได้มอบหนังสือสำคัญแสดงตัวตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยนั้น จะถือว่าไม่มีการตรวจบัญชีไม่ได้เพราะระเบียบกระทรวงมหาดไทยไม่ใช่กฎหมาย
ข้อกฎหมายที่จำเลยมิได้ยกขึ้นมาว่ากันแต่ศาลชั้นต้นศาลฎีกาไม่รับพิจารณา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายดำรงตำแหน่งสมุห์บัญชีเทศบาลตำบลกระทุ่มแบน มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบรับจ่ายและรักษาเงิน ทำบัญชีหลักฐานการรับจ่ายเงินของแผนกเทศบาลและแผนกการไฟฟ้าเทศบาลตำบลกระทุ่มแบน ได้บังอาจกระทำผิดกฎหมายหลายบทหลายกระทง คือลงบัญชีเท็จ ละเว้นไม่ลงบัญชีรับเงิน กระทำหลักฐานเท็จและยักยอกเงินของแผนกเทศบาลตำบลกระทุ่มแบน เป็นเงิน 36,290 บาท29 สตางค์ และของแผนกไฟฟ้าเทศบาลตำบลกระทุ่มแบนไป 2,523 บาท45 สตางค์ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 38,813 บาท 74 สตางค์ เหตุเกิดที่ตำบลตลาดกระทุ่มแบน อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 131, 132, 230, 70, 71 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายลักษณะอาญา พ.ศ. 2477 (ฉบับที่ 2) มาตรา 3 และให้จำเลยคืนเงินแก่เทศบาล

จำเลยปฏิเสธ

ศาลจังหวัดสมุทรสาครฟังว่าจำเลยต้องรับผิดสำหรับเงินแผนกเทศบาลที่ขาดหายไปเพียง 6 รายการเป็นเงิน 34,650.29 บาท ส่วนเงินแผนกไฟฟ้า 2,523.45 บาทนั้น อยู่นอกความรับผิดของจำเลยพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 230 และ 131 ที่แก้ไขตามพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายลักษณะอาญา พ.ศ. 2484 มาตรา 3 ให้จำคุกจำเลย 6 ปี และให้คืนเงิน 34,650 บาท 29 สตางค์แก่เทศบาลตำบลกระทุ่มแบน

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฝ่ายเดียวฎีกาทั้งในข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ในข้อกฎหมายจำเลยอ้างว่า (1) ผู้ตรวจบัญชีปฏิบัติการตรวจผิดระเบียบที่กระทรวงมหาดไทยวางไว้ตามคำสั่งที่ 52/2493 ลงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2493 คือมิได้แจ้งให้ข้าหลวงประจำจังหวัดและนายกเทศมนตรีทราบก่อนและไม่ได้มอบหนังสือสำคัญแสดงตัว จึงถือไม่ได้ว่าได้มีการตรวจบัญชีแล้ว (2) ผู้ตรวจบัญชีแผนกกลางและแผนกไฟฟ้า ตัวจริงคือนายสาครแต่ผู้เดียว นายไพบูลย์พยานโจทก์มิได้เป็นผู้ตรวจ หรือมีส่วนร่วมรับรู้ในบัญชีตามรายการที่โจทก์ฟ้องมาเลย เวลาโจทก์นำสืบโจทก์มิได้นำนายสาครเข้าสืบ แต่นำนายไพบูลย์มาสืบแทนจะรับฟัง ถ้อยคำของนายไพบูลย์ปากเดียวมาลงโทษจำเลยไม่ได้

ศาลฎีกาเห็นว่า ระเบียบกระทรวงมหาดไทยตามฎีกาข้อ 1 นั้นไม่ใช่กฎหมาย ฉะนั้นอ้างว่าบัญชีที่พนักงานตรวจเงินแผ่นดินตรวจไว้โดยไม่ปฏิบัติตามระเบียบนั้นเป็นการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายจึงถือว่าไม่มีตรวจบัญชีเลยไม่ได้ ส่วนฎีกาข้อ 2 นั้นจำเลยมิได้หยิบยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้มาแต่ศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับพิจารณา อนึ่งข้อเท็จจริงก็ไม่เป็นดังจำเลยกล่าวอ้าง

เกี่ยวกับข้อเท็จจริง ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยลงบัญชีไม่ตรงกับความจริงจำเลยลงบัญชีเท็จโดยรู้อยู่ว่าเป็นเท็จและมีเจตนาทุจริตยักยอกเอาเงินที่ขาดหายไปนั้นไว้ใช้เป็นประโยชน์ส่วนตัว เช่นไม่ได้จ่ายเงินลงไว้ว่าจ่าย ไม่ได้ฝากเพื่อนลงไว้ว่าฝาก ไม่มีการยืมลงไว้ว่ายืม เงินที่ยังไม่ได้ส่งใช้ลงบัญชีว่าส่งใช้แล้ว เงินที่จ่ายแล้วครั้งหนึ่งลงว่าจ่ายซ้ำอีก จำเลยต้องรับผิดเกี่ยวกับเงินของเทศบาลตำบลกระทุ่มแบน 6 รายการ เป็นเงิน 34,650 บาท 29 สตางค์ที่ขาดหายไป

พิพากษายืน

Share