คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1457/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำบอกเล่าของผู้ถูกกระทำร้ายถึงตายจะรับฟังเป็นพยานหลักฐานตามกฎหมายได้นั้น จะต้องสืบให้ได้ความว่าในเวลาผู้ตายพูดเช่นนั้นผู้ตายคิดว่าตนจะตายไม่มีหวังรอด (อ้างฎีกาที่ 269/2478,315/2479)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจใช้มีดปลายแหลมแทงทำร้ายร่างกายนายประกอบศรีภพตายโดยเจตนา ทั้งนี้โดยจำเลยได้กระทำไปโดยความพยายามด้วยความพยาบาทมาดหมาย เนื่องจากจำเลยมีสาเหตุทะเลาะโกรธเคืองกับนายประกอบ ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249, 250

จำเลยปฏิเสธอ้างฐานที่อยู่และต่อสู้ว่าที่ให้การรับสารภาพชั้นสอบสวน เพราะถูกเจ้าพนักงานตำรวจและพนักงานสอบสวนขู่เข็ญทำร้ายเอา ทั้งนายอยู่พยานโจทก์มีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยแกล้งจับจำเลย ขอให้ยกฟ้อง

ศาลจังหวัดนครราชสีมา เชื่อว่าจำเลยเป็นคนร้ายรายนี้ และฟังว่าจำเลยฆ่าผู้ตายด้วยความพยาบาทมาดหมายจริง พิพากษาว่าจำเลยมีผิดตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 250 ให้วางโทษประหารชีวิต จำเลยรับสารภาพชั้นสอบสวนลดโทษลง 1 ใน 3 ตามมาตรา 59 คงจำคุกไว้ 16 ปีตามเกณฑ์ในมาตรา 37(1)

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเท่าที่โจทก์นำสืบไม่พอลงโทษจำเลย พิพากษายกฟ้องโจทก์

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานขณะถูกแทง แต่โจทก์มีพลตำรวจบุญมาและพลตำรวจล้วนได้ไปสอบสวนปากคำผู้ตาย ผู้ตายแจ้งและระบุชื่อจำเลยทันที คำบอกเล่าของผู้ตายนี้ไม่ปรากฏว่าได้มีการบันทึกถ้อยคำไว้ ทั้งไม่ได้ความว่าในขณะให้ถ้อยคำนั้นผู้ตายรู้ตัวว่าตนจะตายไม่มีหวังรอดและโจทก์ก็ไม่ได้สืบความข้อนี้จึงรับฟังลงโทษจำเลยไม่ได้ โดยนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 269/2478 ระหว่างอัยการจังหวัดสงขลาโจทก์ นายพร้อมกับพวกจำเลย และคำพิพากษาฎีกาที่ 315/2479 อัยการจังหวัดลพบุรีโจทก์ นายวนจำเลย และวินิจฉัยว่าคำบอกเล่านั้น ก่อนที่จะรับฟังเป็นพยานหลักฐานตามกฎหมาย ต้องปรากฏว่าในเวลาผู้ตายพูดเช่นนั้น ผู้ตายคิดว่าตนจะตายไม่มีหวังรอด โจทก์ไม่ได้สืบความข้อนี้จึงฟังไม่ได้ นอกจากนี้ตามข้อเท็จจริงพยานโจทก์แตกต่างกันและขัดต่อเหตุผลฟังไม่ได้

พิพากษายืน ให้ยกฎีกาโจทก์

Share