แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ฟ้องโจทก์อ้างสิทธิการได้มาซึ่งที่ดินพิพาทโดยคำพิพากษาตามยอม ขอให้เพิกถอนการได้มาซึ่งที่ดินพิพาทของจำเลยจากการซื้อทรัพย์ในการขายทอดตลาดซึ่งโจทก์เคยยื่นคำร้องคัดค้านการขายทอดตลาดที่ดินพิพาทของเจ้าพนักงานบังคับคดีและขอให้ศาลมีคำสั่งยกกระบวนวิธีการบังคับคดีทั้งปวงโดยอ้างเหตุผลเช่นเดียวกับคดีนี้มาแล้วถือว่าเป็นการฟ้องคดีอย่างหนึ่งเมื่อศาลฎีกามีคำพิพากษาว่าหนี้ตามคำพิพากษาตามยอมเป็นหนี้สมยอมกันถือไม่ได้ว่าโจทก์เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีก่อนย่อมผูกพันโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา145วรรคแรกโจทก์จึง ไม่มี อำนาจฟ้องคดีนี้
ย่อยาว
โจทก์ ฟ้อง และ แก้ไข คำฟ้อง ว่า โจทก์ เป็น ผู้มีสิทธิ ใน ที่ดิน ตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3ก. ) เลขที่ 3183 เนื้อที่12 ไร่ 1 งาน 50 ตารางวา ตาม คำพิพากษา ตามยอม ของ ศาลชั้นต้น ใน คดีแพ่งหมายเลขดำ ที่ 299/2530 หมายเลขแดง ที่ 123/2530 ระหว่าง นาง ฉอ้อน ศรีธัญรัตน์ โจทก์ นาง จัด จังภาจิตต์ จำเลย ต่อมา ที่ดิน แปลง ดังกล่าว ถูก ยึด และ ขายทอดตลาด ใน การ บังคับคดี ของ ศาลแพ่ง ใน คดี หมายเลขดำ ที่ 9348/2529 หมายเลขแดง ที่ 17546/2529 จำเลย เข้า ประมูล ซื้อที่ดิน แปลง ดังกล่าว ได้ จาก การ ขายทอดตลาด ตาม คำสั่งศาล ใน ราคา 250,000บาท โดย จำเลย รู้ หรือ ควร จะ รู้ ว่า ที่ดิน แปลง ดังกล่าว เป็น ของ โจทก์ไม่ใช่ ของ จำเลย ใน คดี ดังกล่าว ต่อมา จำเลย ได้ ไป จดทะเบียน โอน ใส่ ชื่อจำเลย เป็น เจ้าของ ที่ดิน แปลง ดังกล่าว ขอให้ ศาล พิพากษา ว่า ที่ดิน ตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3ก. ) เลขที่ 3183 เนื้อที่ เป็น ของโจทก์ ให้ เพิกถอน ชื่อ จำเลย ออกจาก หนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3ก. ) ดังกล่าว และ หรือ โจทก์ ยินยอม ใช้ ราคา ที่ดิน แปลง ดังกล่าวเป็น เงิน 250,000 บาท ให้ แก่ จำเลย ให้ จำเลย ส่งมอบ หนังสือ รับรองการ ทำประโยชน์ (น.ส.3ก. ) แปลง ดังกล่าว คืน ให้ แก่ เจ้าพนักงานบริหาร ที่ดิน เพื่อ ดำเนินการ เพิกถอน ต่อไป หาก จำเลย ไม่ไป ยื่น คำขอเพิกถอน ที่ดิน ตาม หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3ก. )แปลง ดังกล่าวตาม คำพิพากษา ของ ศาล ขอให้ ถือเอา คำพิพากษา ของ ศาล เป็น การแสดงเจตนา แทน จำเลย
จำเลย ให้การ ว่า หนี้ ตาม คำพิพากษา ตามยอม ของ ศาลชั้นต้นใน คดีแพ่ง หมายเลขแดง ที่ 123/2530 เป็น หนี้ สมยอม กัน โดย มิได้ เป็น หนี้กัน จริง จำเลย ซื้อ ที่ดิน ตาม ฟ้อง จาก การ ขายทอดตลาด ตาม คำสั่ง ของศาล โดยสุจริต นอกจาก นี้ เมื่อ โจทก์ ทราบ ว่า ที่ดิน ตาม ฟ้อง ถูก ขายทอดตลาดโจทก์ ได้ ยื่น คำร้องขอ ให้ เพิกถอน การ ขายทอดตลาด ที่ดิน ตาม ฟ้อง ใน คดีหมายเลขแดง ที่ 17546/2529 ของ ศาลแพ่ง ซึ่ง มี ประเด็น เดียว กัน กับ คดี นี้ฟ้องโจทก์ จึง เป็น การ ดำเนิน กระบวนพิจารณา ซ้ำ ต้องห้าม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144 ขอให้ ยกฟ้อง
ระหว่าง สืบพยานโจทก์ จำเลย ยื่น คำร้อง ลงวันที่ 16 กันยายน 2534ขอให้ ศาลชั้นต้น วินิจฉัยชี้ขาด เบื้องต้น ใน ปัญหาข้อกฎหมาย เนื่องจากศาลฎีกา ได้ มี คำพิพากษา ใน คดี หมายเลข ที่ 17546/2529 ของ ศาลแพ่ง แล้วศาลชั้นต้น เห็นว่า คดี พอ วินิจฉัย ได้ ให้ งดสืบพยาน โจทก์ จำเลยแล้ว พิพากษายก ฟ้อง
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 1 พิพากษายก คำพิพากษา ศาลชั้นต้น ให้ ศาลชั้นต้นดำเนินการ สืบพยานโจทก์ จำเลย ต่อไป แล้ว พิพากษา ใหม่ ตาม รูปคดี
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “จำเลย ฎีกา ประการ แรก ว่า ศาลฎีกา ได้ มีคำพิพากษา ใน คดี หมายเลขแดง ที่ 17546/2529 ของ ศาลแพ่ง ว่า หนี้ ตามคำพิพากษา ตามยอม ใน คดีแพ่ง หมายเลขแดง ที่ 123/2530 ของ ศาลชั้นต้นระหว่าง โจทก์ กับ นาง จัด จังกาจิต์ เป็น หนี้ สมยอม ทำ ขึ้น โดย ไม่ได้ เป็น หนี้ กัน จริง โจทก์ จึง ไม่อาจ อ้าง สิทธิ ตาม คำพิพากษา ตามยอม ในคดีแพ่ง หมายเลขแดง ที่ 123/2530 ของ ศาลชั้นต้น มา ฟ้อง จำเลย เพราะไม่มี อำนาจฟ้อง เห็นว่า ฟ้องโจทก์ อ้าง สิทธิ การ ได้ มา ซึ่ง ที่ดิน ตาม ฟ้องโดย อาศัย คำพิพากษา ตามยอม ใน คดีแพ่ง หมายเลขแดง ที่ 123/2530 ของศาลชั้นต้น ซึ่ง มูลหนี้ ตาม ฟ้อง เป็น เรื่อง กู้ยืม เงิน มา ขอให้ เพิกถอนการ ได้ มา ซึ่ง ที่ดิน ตาม ฟ้อง ของ จำเลย จาก การ ซื้อ ทรัพย์ ใน การ ขายทอดตลาดใน คดี หมายเลขแดง ที่ 17546/2529 ของ ศาลแพ่ง ซึ่ง จำเลย ให้การต่อสู้ ไว้ และ ศาลชั้นต้น กำหนด เป็น ประเด็น พิพาท ใน ข้อ สอง ว่า โจทก์ ไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะ สมคบ กับ นาง จัด จังกาจิตต์ ทำ ยอม ใน คดีแพ่ง หมายเลขแดง ที่ 123/2530 ของ ศาลชั้นต้น โดย ไม่มี มูลหนี้ ต่อ กัน หรือไม่แต่ ปรากฏว่า ใน ประเด็น ข้อ นี้ โจทก์ ใน ฐานะ ผู้ร้อง เคย พิพาท กับ คู่ความราย อื่น ใน ชั้น บังคับคดี ตาม คดี หมายเลขแดง ที่ 17546/2529 ของ ศาลแพ่งมา แล้ว โดย คดี ดังกล่าว โจทก์ ยื่น คำร้องคัดค้าน การ ขายทอดตลาด ที่ดินตาม ฟ้อง ของ เจ้าพนักงาน บังคับคดี อ้างว่า โจทก์ ได้ มา ซึ่ง ที่ดิน ตาม ฟ้องโดย อาศัย คำพิพากษา ตามยอม ใน คดีแพ่ง หมายเลขแดง ที่ 123/2530 ของศาลชั้นต้น เช่นเดียว กับ คดี นี้ และ ท้าย คำร้อง ก็ ขอให้ ศาล มี คำสั่ง ยกกระบวน วิธีการ บังคับคดี ทั้งปวง จึง ถือ เสมือน หนึ่ง ว่า เป็น การ ฟ้องคดีอย่างหนึ่ง ซึ่ง โจทก์ ใน คดี ดังกล่าว ก็ ยื่น คำร้องคัดค้าน ว่า โจทก์ ในคดี นี้ สมยอม กับ นาง จัด จังกาจิตต์ ทำ ยอม ใน คดีแพ่ง หมายเลขแดง ที่ 123/2530 ของ ศาลชั้นต้น โดย ไม่มี มูลหนี้ ต่อ กัน ศาลชั้นต้น ทำการไต่สวน พยาน ทั้ง สอง ฝ่าย จน เสร็จสิ้น แล้ว มี คำสั่ง จน กระทั่ง ต่อมา คดีขึ้น สู่ ศาลฎีกา และ ศาลฎีกา มี คำพิพากษา โดย ฟัง ข้อเท็จจริง ว่า หนี้ ตามสัญญา ประนีประนอม ยอมความ และ คำพิพากษา ตามยอม ระหว่าง โจทก์ คดีนี้ กับ นาง จัด จังกาจิตต์ เป็น หนี้ สมยอม กัน ทำ ขึ้น โดย มิได้ เป็น หนี้ กัน จริง เพื่อ ช่วยเหลือ มิให้ โจทก์ และ เจ้าหนี้ อื่น บังคับ ชำระหนี้ เอาจาก ทรัพย์สิน ของ นาง จัด ได้ ถือไม่ได้ว่า โจทก์ เป็น เจ้าหนี้ ตาม คำ พิพากษา ของ นาง จัด ซึ่ง ตรง กับ ประเด็น พิพาท ใน คดี นี้ คำพิพากษา ศาลฎีกา ใน คดี ก่อน จึง ผูกพัน โจทก์ ตาม นัย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 145 วรรคแรก โจทก์ จะ ฟ้อง เป็น คดี ใหม่ อ้าง การ ได้ มา ซึ่ง ที่ดินตาม ฟ้อง โดย อาศัย คำพิพากษา ตามยอม ใน คดีแพ่ง หมายเลขแดง ที่ 123/2530ของ ศาลชั้นต้น อันเป็น การ โต้แย้ง คำพิพากษา ศาลฎีกา ใน คดี ก่อน หาได้ไม่เมื่อ โจทก์ ไม่อาจ อ้าง การ ได้ มา ซึ่ง ที่ดิน ตาม ฟ้อง เช่นนี้ แล้ว คดี ย่อมฟังได้ เบื้องต้น ว่า โจทก์ ไม่มี สิทธิ ใด ๆ ใน ที่ดิน ตาม ฟ้อง จึง ไม่มีอำนาจฟ้อง คดี นี้ คดี จึง ไม่จำต้อง สืบพยานโจทก์ จำเลย ต่อไป เพราะไม่ทำ ให้ ผล คดี เปลี่ยนแปลง ได้ คำสั่ง ของ ศาลชั้นต้น ที่ ให้ งดสืบพยานโจทก์ จำเลย จึง ชอบแล้ว ส่วน ฎีกา ของ จำเลย ประการอื่น ๆ ไม่ทำ ให้ ผลคำพิพากษา เปลี่ยนแปลง ได้ เช่นเดียวกัน ศาลฎีกา ไม่รับ วินิจฉัย ที่ศาลอุทธรณ์ ภาค 1 พิพากษา ให้ ศาลชั้นต้น ดำเนินการ สืบพยานโจทก์ จำเลยต่อไป นั้น ไม่ต้อง ด้วย ความเห็น ของ ศาลฎีกา ฎีกา ของ จำเลย ฟังขึ้น ”
พิพากษากลับ ให้ บังคับคดี ไป ตาม คำพิพากษา ของ ศาลชั้นต้น