คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8153/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทำสัญญาจะซื้อขายบ้านกับโจทก์ สัญญาจะซื้อขายบ้านเป็นสัญญาต่างตอบแทนโดยจำเลยมีหน้าที่จะต้องชำระราคาค่าบ้านให้แก่โจทก์ ส่วนโจทก์ก็มีหน้าที่จะต้องจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ในบ้านแก่จำเลยด้วยเช่นกัน การที่โจทก์ทวงถามให้จำเลยชำระราคาค่าบ้านส่วนที่เหลือตามกำหนดระยะเวลาที่ตกลงกันโดยที่โจทก์มิได้กำหนดระยะเวลาที่โจทก์จะต้องจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ในบ้านให้แก่จำเลยตามหน้าที่แล้ว จำเลยย่อมมีอำนาจที่จะไม่ชำระราคาค่าบ้านส่วนที่เหลือแก่โจทก์จนกว่าโจทก์จะกำหนดเวลาที่โจทก์จะต้องไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์แก่จำเลยตาม ป.พ.พ. มาตรา 369 ได้ จะถือว่าจำเลยไม่ชำระหนี้ภายในกำหนดระยะเวลาที่โจทก์กำหนดเป็นเหตุให้โจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาตาม ป.พ.พ. มาตรา 389 หาได้ไม่ สัญญาดังกล่าวยังมีผลผูกพันอยู่ โจทก์ไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยและบริวารออกจากบ้านโจทก์ และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้โจทก์เดือนละ ๕,๐๐๐ บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะออกจากบ้านโจทก์
จำเลยให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยและบริวารออกจากบ้านพิพาท และให้ใช้ค่าเสียหายเดือนละ ๒,๐๐๐ บาท นับถัดจากวันฟ้อง จนกว่าจำเลยและบริวารจะออกจากบ้านดังกล่าวแก่โจทก์ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ ๒,๐๐๐ บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ ๑,๕๐๐ บาท แทนโจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความนำสืบรับกันฟังได้ว่า โจทก์ทำสัญญาจะขายบ้านพิพาทให้จำเลยในราคา ๒๔๐,๐๐๐ บาท ตามสัญญาจะซื้อขายหรือสัญญามัดจำ โจทก์มอบบ้านพิพาทให้จำเลยเข้าครอบครองตั้งแต่วันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๓๔ ซึ่งเป็นวันทำสัญญา ต่อมาโจทก์มีหนังสือทวงถามให้จำเลยชำระราคาค่าบ้านพิพาทที่เหลือ แต่จำเลยเพิกเฉย เห็นว่า ตามหนังสือสัญญาจะซื้อขายหรือสัญญาวางมัดจำ โจทก์และจำเลยกำหนดแต่เพียงเวลาให้จำเลยชำระเงินค่าซื้อบ้านพิพาทส่วนที่เหลือจากที่วางมัดจำไว้ ๑๖๐,๐๐๐ บาท เป็นสองงวด คือวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๓๔ และวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๓๔ แต่หาได้กำหนดวันเวลาให้โจทก์ไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์บ้านพิพาทแก่จำเลยแต่อย่างใด ทั้งตามหนังสือทวงถามให้จำเลยชำระค่าซื้อบ้านพิพาทส่วนที่เหลือและบอกเลิกสัญญา โจทก์กำหนดระยะเวลาให้จำเลยชำระเงินค่าซื้อบ้านพิพาทส่วนที่เหลือภายในกำหนด ๑๕ วัน นับแต่วันได้รับหนังสือทวงถาม แต่หาได้กำหนดระยะเวลาที่โจทก์จะต้องไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์บ้านพิพาทแก่จำเลย สัญญาจะซื้อขายบ้านพิพาทเป็นสัญญาต่างตอบแทน โดยจำเลยมีหน้าที่จะต้องชำระราคาค่าบ้านแก่โจทก์ ส่วนโจทก์ก็มีหน้าที่จะต้องจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ในบ้านพิพาทแก่จำเลยตามสัญญาจะซื้อขายด้วยเช่นกัน ฉะนั้นการที่โจทก์ทวงถามให้จำเลยชำระราคาค่าบ้านพิพาทส่วนที่เหลือตามกำหนดระยะเวลาที่โจทก์แจ้งให้จำเลยทราบ โดยโจทก์มิได้กำหนดระยะเวลาที่โจทก์จะต้องจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์บ้านที่พิพาทแก่จำเลยตามหน้าที่แล้ว จำเลยย่อมมีอำนาจที่จะไม่ชำระราคาค่าบ้านพิพาทส่วนที่เหลือแก่โจทก์จนกว่าโจทก์จะกำหนดเวลาที่โจทก์จะต้องไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์บ้านพิพาทแก่จำเลยตาม ป.พ.พ. มาตรา ๓๖๙ จะถือว่าจำเลยไม่ชำระหนี้ภายในกำหนดระยะเวลาที่โจทก์กำหนดอันจะเป็นเหตุให้โจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาตาม ป.พ.พ. มาตรา ๓๘๙ หาได้ไม่ โจทก์จึงไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญาจะซื้อขายบ้านพิพาท สัญญาดังกล่าวยังมีผลผูกพันอยู่ โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยออกจากบ้านที่พิพาท ซึ่งโจทก์ยินยอมให้จำเลยเข้าครอบครองบ้านพิพาทนับแต่ที่ทำสัญญาจะซื้อขายบ้านพิพาทได้ ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น กรณีจึงไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาข้ออื่นของจำเลยต่อไป
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ.

Share