คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8150/2542

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

เมื่อจำเลยแบ่งแยกที่ดินขายให้โจทก์แล้ว โจทก์จะออกไปสู่ทางสาธารณะทางด้านทิศตะวันตกได้ต้องใช้ทางพิพาทในที่ดินจำเลยแม้โจทก์จะสามารถผ่านเข้าออกทางด้านทิศตะวันออกก็ต้องผ่านที่ดินของบุคคลอื่นและที่ดินของจำเลยอีกแปลงหนึ่งซึ่งเป็นเรื่องของความยินยอม หาใช่สิทธิตามกฎหมายไม่ ส่วนด้านทิศใต้แม้ที่ดินของโจทก์จะติดแม่น้ำ แต่แม่น้ำดังกล่าวก็ไม่ได้ใช้สัญจรอย่างทางสาธารณะแล้วดังนั้น เมื่อการแบ่งแยกที่ดินของโจทก์ออกมาจากที่ดินของจำเลยเป็นเหตุให้ที่ดินของโจทก์ไม่มีทางออกไปสู่ทางสาธารณะ โจทก์จึงมีสิทธิขอให้เปิดทางพิพาทเป็นทางจำเป็นผ่านที่ดินของจำเลยออกไปสู่ทางสาธารณะได้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1350 และเมื่อโจทก์ใช้เกวียนและบุตรโจทก์ใช้รถยนต์เป็นพาหนะผ่านทางพิพาท ทางพิพาทจึงควรมีความกว้างเพื่อให้เกวียนและรถยนต์ผ่านเข้าออกได้โดยสะดวก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยเปิดทางจำเป็นจากที่ดินของโจทก์ผ่านที่ดินของจำเลยถึงถนนพัฒนาเข้าหมู่บ้านอันเป็นทางสาธารณะยาว40 เมตร กว้าง 3 เมตร ตามแผนที่ในเส้นสีแดง เอกสารท้ายฟ้องหากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย ให้จำเลยและบริวารทำที่ดินที่ขุดบ่อให้อยู่ในสภาพเดิมและรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างขนย้ายสัมภาระออกจากที่ดินที่ขอให้เปิดทางจำเป็น หากจำเลยไม่ดำเนินการให้โจทก์มีอำนาจรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างขนย้ายสัมภาระทำให้ที่ดินมีสภาพเดิมโดยจำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย

จำเลยให้การว่า จำเลยขายที่ดินเฉพาะส่วนทางด้านที่ติดกับแม่น้ำอ่างทอง เนื้อที่ประมาณ 2 งาน 71 ตารางวา ให้แก่โจทก์ ที่ดินของโจทก์มีทางออกสู่ทางสาธารณะหลายทาง มิได้มีที่ดินแปลงอื่นล้อมรอบตามที่โจทก์กล่าวอ้าง และนับแต่จำเลยขายที่ดินตามฟ้องให้แก่โจทก์ โจทก์ได้ใช้ทางเดินกว้าง 1 เมตรเศษ ซึ่งอยู่ทางด้านทิศเหนือของที่ดินของโจทก์ และอยู่ห่างจากทางเดินตามแผนที่เอกสารท้ายฟ้องประมาณ 20 เมตร ออกสู่ทางสาธารณะที่ดินโจทก์ทางด้านทิศตะวันตกอยู่ติดกับถนนลูกรังกว้างประมาณ 3 เมตรและทางด้านทิศใต้ติดกับแม่น้ำอ่างทองซึ่งมีน้ำลึกใช้เดินเรือได้ตลอดปีโจทก์สามารถใช้แม่น้ำดังกล่าวได้โดยสะดวก โจทก์ไม่เคยใช้ทางตามฟ้องเดินออกสู่ทางสาธารณะ โจทก์ไม่เคยบอกกล่าวให้จำเลยเปิดทางเดินรวมทั้งไม่เคยเสนอชดใช้ค่าทดแทนความเสียหายให้แก่จำเลยทางเดินดังกล่าวกว้างเกินความจำเป็น ทำให้จำเลยได้รับความเดือดร้อน ทั้ง ๆ ที่ตามปกติทางเดินกว้าง 1 เมตร ก็สามารถใช้เดินได้สะดวก ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยเปิดทางพิพาทซึ่งเป็นทางจำเป็น จากที่ดินของโจทก์ผ่านที่ดินของจำเลยถึงถนนพัฒนาเข้าหมู่บ้าน ตำบลบ้านนาอำเภอมหาราช จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กว้างประมาณ 3 เมตร ยาวประมาณ40 เมตร โดยรื้อถอนสิ่งปิดกั้นและสิ่งปลูกสร้าง ขนย้ายสัมภาระออกจากทางพิพาทและทำทางพิพาทให้อยู่ในสภาพเดิม คำขออื่นให้ยก

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 9770 เนื้อที่ประมาณ 2 งาน 71 ตารางวาโดยซื้อมาจากจำเลย ที่ดินดังกล่าวแบ่งแยกจากที่ดินโฉนดเลขที่ 6333ของจำเลยซึ่งติดกับทางสาธารณะส่วนที่ดินโจทก์ด้านทิศใต้ติดแม่น้ำอ่างทอง

ประเด็นที่ต้องวินิจฉัยมีว่าโจทก์มีสิทธิขอให้เปิดทางจำเป็นคือทางพิพาทผ่านที่ดินแปลงดังกล่าวของจำเลยหรือไม่ โดยโจทก์ฎีกาว่า ที่ดินแปลงของโจทก์ถูกที่ดินแปลงอื่นล้อมอยู่ โจทก์จึงใช้ทางพิพาทเป็นทางออกไปสู่ทางสาธารณะโจทก์ได้ใช้เกวียนและรถยนต์เข้าออกโดยใช้ทั้งทางด้านทิศตะวันตกของที่ดินจำเลยซึ่งเป็นทางพิพาทและทางด้านทิศตะวันออกของที่ดินจำเลยซึ่งต้องผ่านที่ดินของบุคคลอื่นและที่ดินของจำเลยอีกแปลงหนึ่งเมื่อจำเลยปิดกั้นทั้งสองทางเช่นนี้ โจทก์จึงขอให้เปิดทางพิพาทซึ่งมีความยาวประมาณ 40 เมตร กว้าง3 เมตร เพราะเป็นทางซึ่งมีระยะสั้นกว่าทางด้านทิศตะวันออกได้ จำเลยแก้ฎีกาว่า โจทก์ใช้ทางเดินกว้าง 1 เมตร ทางด้านทิศตะวันออกเดินผ่านไปออกทางสาธารณะตลอดมาจนถึงปัจจุบันเป็นการสะดวกอยู่แล้วทั้งที่ดินโจทก์ติดกับแม่น้ำอ่างทองซึ่งเป็นทางสาธารณะทางพิพาทจึงไม่ใช่ทางจำเป็นข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เมื่อจำเลยแบ่งแยกที่ดินขายให้โจทก์แล้ว โจทก์จะออกไปสู่ทางสาธารณะทางด้านทิศตะวันตกได้ต้องใช้ทางพิพาทในที่ดินจำเลยแม้โจทก์จะสามารถผ่านเข้าออกทางด้านทิศตะวันออกก็ต้องผ่านที่ดินของบุคคลอื่นและที่ดินของจำเลยอีกแปลงหนึ่งซึ่งเป็นเรื่องของความยินยอมหาใช่สิทธิตามกฎหมายไม่ ส่วนด้านทิศใต้แม้ที่ดินของโจทก์จะติดแม่น้ำแต่แม่น้ำดังกล่าวก็ไม่ได้ใช้สัญจรอย่างทางสาธารณะแล้ว ดังนั้นการแบ่งแยกที่ดินของโจทก์ออกมาจากที่ดินของจำเลยจึงเป็นเหตุให้ที่ดินของโจทก์ไม่มีทางออกไปสู่ทางสาธารณะ โจทก์จึงมีสิทธิขอให้เปิดทางพิพาทเป็นทางจำเป็นผ่านที่ดินของจำเลยออกไปสู่ทางสาธารณะได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1350 และเมื่อโจทก์ใช้เกวียนและบุตรโจทก์ใช้รถยนต์เป็นพาหนะผ่านทางพิพาท ทางพิพาทจึงควรมีความกว้าง 3 เมตร เพื่อให้เกวียนและรถยนต์ผ่านเข้าออกได้โดยสะดวก”

พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share