แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีพิพาทกันเรื่องแต่งตั้งผู้จัดการมรดก จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายเป็นการชั่วคราว โดยอ้างว่าจำเลยเป็นทายาทตามพินัยกรรมและเจ้ามรดกตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดก ถ้าจำเลยไม่ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้จัดการมรดกชั่วคราว กองมรดกจะได้รับความเสียหาย ดังนี้ ยังไม่มีเหตุผลสมควรที่จะแต่งตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกชั่วคราว เพราะโจทก์จำเลยพิพาทกันเพียงว่า โจทก์หรือจำเลยคนใดคนหนึ่งสมควรเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย มิได้พิพาทเกี่ยวกับสิทธิเรียกร้องเอาทรัพย์สินซึ่งเป็นมรดกของผู้ตายแต่อย่างใด ประโยชน์ของจำเลยอยู่ที่การได้เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายหรือไม่เท่านั้น ไม่ได้อยู่ที่การจะได้รับส่วนแบ่งในทรัพย์สินมรดกของผู้ตาย
ย่อยาว
โจทก์จำเลยต่างยื่นคำร้องขอให้ศาลแต่งตั้งตนเป็นผู้จัดการมรดกของนางสาวผัน และต่างคัดค้านซึ่งกันและกัน จำเลยยื่นคำร้องว่า จำเลยเป็นผู้รับมอบอำนาจให้ดำเนินกิจการเกี่ยวกับทรัพย์สินและธุรกิจของเจ้ามรดกแต่ผู้เดียว จนกระทั่งเจ้ามรดกถึงแก่กรรมทำให้การรับมอบอำนาจสิ้นสุดลง จำเลยไม่อาจดำเนินการต่อไปได้เพราะยังไม่ได้รับแต่ตั้งเป็นผู้จัดการมรดก ทำให้กองมรดกเสียหาย จึงขอให้ตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกคุ้มครองประโยชน์ระหว่างพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๖๔ หรือจัดการมรดกร่วมกับเจ้าพนักงานกรมบังคับคดี
ศาลชั้นต้นสั่งให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์คำสั่งว่า จำเลยเป็นทายาทตามพินัยกรรมของเจ้ามรดกทั้งเจ้ามรดกตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดก มีสิทธิได้รับผลประโยชน์ร้อยละ ๒๐ ของรายได้ทั้งหมดในการจัดการทรัพย์มรดก หากไม่ได้รับความคุ้มครองโดยมิได้รับคำสั่งศาลแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการมรดกชั่วคราว จำเลยจะเสียหายขาดผลประโยชน์ทั้งกองมรดกก็จะได้รับความเสียหาย
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกามีใจความทำนองเดียวกับชั้นอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์จำเลยพิพาทกันเพียงว่า โจทก์หรือจำเลยคนคนหนึ่งคนใดสมควรเป็นผู้จัดากรมรดกของผู้ตาย มิได้พิพาทกันเกี่ยวกับสิทธิเรียกร้องเอาทรัพย์สินซึ่งเป็นมรดกของผู้ตายแต่อย่างใด ประโยชน์ของจำเลยที่ ๓ จึงอยู่ที่การจะได้เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายหรือไม่เท่านั้น ไม่ได้อยู่ที่การจะได้รับส่วนแบ่งในทรัพย์สินมรดกของผู้ตาย ศาลฎีกาพิเคราะห์เหตุผลตามคำร้องของจำเลยที่ ๓ แล้ว เห็นว่ายังไม่เป็นการสมควรที่จะตั้งจำเลยที่ ๓ เป็นผู้จัดการมรดกของนางสาวผันเป็นการชั่วคราว คำพิพากษาฎีกาซึ่งจำเลยที่ ๓ อ้างมาในฎีกามีข้อเท็จจริงไม่ตรงกับคดีนี้
จำเลยที่ ๓ ฎีกาว่าจำเลยมีสิทธิได้รับผลประโยชน์ร้อยละ ๒๐ ของรายได้ทั้งหมดในการจัดการทรัพย์ และปัญหาข้อนี้ได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาแล้วในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาได้ตรวจคำร้องของจำเลยที่ ๓ ลงวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๒๑ ที่ยื่นต่อศาลชั้นต้นแล้ว ไม่ปรากฏว่าได้กล่าวถึงปัญหาดังกล่าวเลย ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยให้จึงชอบแล้ว
พิพากษายืน