คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 661/2514

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่าคนโดยใช้ปืนยิงชั้นพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยให้การปฏิเสธลอย ๆ เพิ่งมาเบิกความแสดงรายละเอียดตอนอ้างตนเองเป็นพยาน แต่ก็มิได้รับว่ายิงกลับบ่ายเบี่ยงความรับผิดไปให้ผู้เสียหายว่าเป็นเพราะผู้เสียหายแย่งปืนจากจำเลย ไกปืนไปเกี่ยวกระเป๋าเสื้อจำเลยปืนจึงลั่นขึ้น เป็นอุบัติเหตุไม่เกี่ยวกับเจตนาจำเลยคำเบิกความของจำเลย เช่นนี้มิได้ให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี อันจะถือว่ามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่านายเขียว ใหญ่ฉิมพลีโดยใช้ปืนแก๊ปยาวยิง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเชื่อว่า จำเลยกระทำความผิดตามฟ้องพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288ประกอบด้วยมาตรา 80 จำคุก 10 ปี ปืนของกลางริบ

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เชื่อว่า จำเลยกระทำผิดจริง แต่จำเลยให้การว่าปืนที่ลั่นไปถูกนายเขียวนั้นเป็นปืนที่จำเลยถืออยู่ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ พิพากษาแก้ลดโทษให้จำเลย 1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุกจำเลย 6 ปี 8 เดือน นอกจากที่แก้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกาว่าไม่ควรลดโทษให้จำเลยตามมาตรา 78

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในชั้นพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยให้การปฏิเสธลอยเพิ่งมาเบิกความแสดงรายละเอียดตอนอ้างตนเองเป็นพยานว่า วันเกิดเหตุจำเลยกลับจากธุระเดินทางมาถึงโคกหนองตานามืดแล้วมีคนฉายไฟตามหลังมา จำเลยหยุดรอเพราะจะได้เพื่อนเดินทางพอชายนั้นเข้ามาห่าง 1 วา ได้ใช้ไฟฉายส่องหน้าจำเลย จำเลยจึงปลดปืนที่สะพายจากไหล่มาหนีบรักแร้เตรียมพร้อมไว้เผื่อว่าเป็นคนร้ายทันใดชายนั้นจับปลายกระบอกปืนดึงไปจำเลยดึงกลับชายนั้นดึงปืนไปอีก บังเอิญนกปืนเกี่ยวกระเป๋าเสื้อจำเลย กระสุนลั่นขึ้น 1 นัดถูกชายนั้นล้มลง ชายที่ถูกกระสุนปืนคือนายเขียวผู้เสียหายเห็นว่าในชั้นสืบพยานโจทก์ โจทก์ต้องนำสืบพยานเพื่อแสดงความผิดของจำเลยตลอดเรื่อง มิอาจอาศัยคำให้การของจำเลยได้เพราะจำเลยปฏิเสธ ต่อมาภายหลังแม้จำเลยจะเบิกความถึงรายละเอียด แต่ก็มิได้รับว่ายิงกลับบ่ายเบี่ยงปัดความรับผิดไปให้ผู้เสียหายว่าเป็นเพราะผู้เสียหายแย่งปืนจากจำเลยไกปืนไปเกี่ยวกระเป๋าเสื้อจำเลยปืนจึงลั่นขึ้น เป็นอุบัติเหตุ ไม่เกี่ยวกับเจตนาจำเลยคำเบิกความของจำเลยเช่นนี้ หาได้ให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดีของโจทก์ไม่ อย่างไรก็ดี ลำพังการนำสืบของโจทก์เป็นหลักฐานเพียงพอฟังได้ว่าจำเลยเป็นผู้กระทำความผิดรายนี้โดยแน่ชัดอยู่แล้วโดยมิพักต้องอาศัยคำเบิกความของจำเลยแต่อย่างใดที่ศาลอุทธรณ์ เห็นว่าคำเบิกความของจำเลยมีเหตุบรรเทาโทษจึงลดโทษให้จำเลยนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยฎีกาโจทก์ฟังขึ้น

พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share