คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5112/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ปัญหาว่าหนี้ตามฟ้องมีมูลหนี้มาอย่างไร โจทก์เป็นคู่สัญญากับจำเลยหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องอำนาจฟ้องและไม่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน เมื่อจำเลยมิได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ในคำให้การ จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้นศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำหนังสือรับสภาพหนี้ไว้กับโจทก์ว่าจะชำระหนี้จำนวน ๗๐,๖๖๖ บาท แก่โจทก์พร้อมค่าปรับของเงินจำนวนดังกล่าวในอัตราร้อยละ ๑๘ ต่อปีให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๒๘ และนำบ้านและโรงเลี้ยงสัตว์มาจำนองเป็นประกันหนี้ดังกล่าวแล้วจำเลยไม่ชำระ ขณะนี้จำเลยเป็นหนี้โจทก์พร้อมค่าปรับเป็นเงิน๑๑๘,๕๙๖ บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าวให้แก่โจทก์พร้อมค่าปรับในอัตราร้อยละ ๑๘ ของเงินจำนวน ๗๐,๖๖๖ บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ หากไม่ชำระให้ยึดทรัพย์ที่จำนองออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้จนครบ หากไม่พอให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยชำระหนี้จนครบ
จำเลยให้การว่า ทำสัญญารับสภาพหนี้กับโจทก์ตามฟ้อง แต่จำเลยชำระหนี้ให้แก่โจทก์ตลอดมา หากจะต้องรับผิดไม่เกิน ๘๐,๐๐๐ บาทโจทก์ไม่เคยทวงถาม ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน ๑๐๕,๒๑๔ บาทแก่โจทก์พร้อมค่าปรับตามฟ้องนับแต่วันที่ ๒ เมษายน ๒๕๒๘ จนกว่าจะชำระเสร็จแต่คำนวณถึงวันฟ้องต้องไม่เกิน ๑๓,๓๘๒ บาท ไม่ชำระหรือชำระไม่ครบให้ยึดทรัพย์จำนองขายทอดตลาด หากยังไม่พอให้ยึดทรัพย์อื่นชำระหนี้จนครบ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องโดยอ้างเหตุหลายประการกล่าวคือ สัญญารับสภาพหนี้ตามฟ้องระบุว่าทำขึ้นระหว่างนายพัสิทธิ์ กิจเจริญ ประธานกรรมการและนายวัสสันต์กิจจิว เลขานุการผู้รับมอบจากคณะกรรมการดำเนินการกับจำเลยแต่ไม่ปรากฏหลักฐานว่าคณะกรรมการโจทก์ได้มอบอำนาจหรือมีมติที่ประชุมคณะกรรมการให้บุคคลทั้งสองทำสัญญาดังกล่าวกับจำเลยแทนโจทก์แต่อย่างใด จึงต้องฟังว่าบุคคลทั้งสองทำไปในฐานะส่วนตัว ไม่มีผลผูกพันโจทก์ โจทก์จึงไม่มีฐานะเป็นคู่สัญญากับจำเลย ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย หนี้ตามฟ้องเกิดจากหนี้ค่าสินค้ามิใช่หนี้เงินกู้ แต่โจทก์มิได้แนบหลักฐานใบกำกับสินค้ามาท้ายฟ้องหรืออ้างส่งต่อศาล จำเลยทำสัญญาจำนองเป็นประกันหนี้เงินกู้มิใช่เป็นประกันหนี้ค่าซื้อสินค้าเชื่อตามฟ้อง ทั้งสัญญาจำนองทำขึ้นก่อนโจทก์มีฐานะเป็นนิติบุคคล โจทก์จึงมิใช่คู่สัญญากับจำเลย ไม่มีอำนาจฟ้องบังคับจำนองนั้น พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ตามฎีกาของจำเลยดังกล่าว ปัญหาว่าหนี้ตามฟ้องมีมูลหนี้มาอย่างไร โจทก์เป็นคู่สัญญากับจำเลยหรือไม่นอกจากไม่ใช่เรื่องอำนาจฟ้องแล้ว ยังไม่ใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน เมื่อจำเลยมิได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ในคำให้การ จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้นศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
พิพากษายกฎีกาจำเลย คืนค่าธรรมเนียมศาลทั้งหมดให้จำเลย.

Share