คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8139-8142/2543

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยไม่ได้กล่าวอ้างปฏิเสธเลยว่าการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องรวมทั้งคำบังคับไปให้จำเลยเป็นการส่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย คงกล่าวอ้างเพียงว่า ไม่เคยได้รับหมายเรียกและ สำเนาคำฟ้อง ส่วนคำบังคับก็ได้รับล่าช้ามากเพราะพนักงานของจำเลย ที่รับคำบังคับไว้แทนจำเลยไม่ได้แจ้งให้จำเลยทราบจำเลยมิได้จงใจขาดนัด พฤติการณ์ตามข้ออ้างของจำเลยดังนี้ยังถือไม่ได้ ว่าเป็นพฤติการณ์นอกเหนือ ไม่อาจบังคับได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคหนึ่งประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31
พนักงานของจำเลยได้รับคำบังคับที่ส่งโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับไว้แทนจำเลยเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2542 จำเลยจึงต้องยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ภายใน 15 วัน นับแต่วันส่งคำบังคับ กล่าวคือ ต้องยื่นภายในวันที่ 2 ตุลาคม 2542 เมื่อจำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่หลังจากพ้นกำหนดดังกล่าวที่ศาลแรงงานมีคำสั่งยกคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยชอบแล้ว

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากศาลแรงงานกลางมีคำสั่งให้รวมพิจารณาพิพากษาคดีทั้งสี่สำนวนเข้าด้วยกัน ให้เรียกโจทก์ตามลำดับสำนวนว่าโจทก์ที่ 1ถึงโจทก์ที่ 4 โดยโจทก์ทั้งสี่สำนวนฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระค่าจ้างค้างจ่ายพร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมายแก่โจทก์ทั้งสี่ จำเลยขาดนัดและขาดนัดพิจารณา ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งให้พิจารณาชี้ขาดตัดสินคดีโจทก์ทั้งสี่ไปฝ่ายเดียว และพิพากษาให้จำเลยชำระค่าจ้างค้างจ่ายแก่โจทก์ทั้งสี่พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ทั้งได้ออกคำบังคับส่งไปถึงจำเลยเมื่อวันที่17 กันยายน 2542

จำเลยทั้งสี่สำนวนยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ ฉบับลงวันที่31 มกราคม 2543 อ้างว่า จำเลยเพิ่งทราบว่าโจทก์ทั้งสี่ฟ้องจำเลยเมื่อได้รับคำบังคับปลายเดือนมกราคม 2543 จำเลยมิได้จงใจขาดนัด จำเลยไม่เคยมีสัญญาจ้างใด ๆ กับโจทก์ทั้งสี่ หากจำเลยมีโอกาสต่อสู้คดีจำเลยมีทางชนะคดีโจทก์ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งว่า จำเลยยื่นคำร้องเมื่อพ้นกำหนด 15 วัน นับแต่วันส่งคำบังคับ ทั้งไม่ปรากฏว่ามีพฤติการณ์นอกเหนือที่ไม่อาจบังคับได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 208 ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31 ให้ยกคำร้อง

จำเลยทั้งสี่สำนวนอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่มีใจความว่า จำเลยเพิ่งทราบว่าโจทก์ทั้งสี่ฟ้องจำเลยเมื่อปลายเดือนมกราคม 2543 หลังจากจำเลยได้รับคำบังคับ ฉบับลงวันที่16 กันยายน 2542 จากพนักงานของจำเลยซึ่งมีจำนวนมาก เหตุที่จำเลยทราบเรื่องล่าช้าเพราะการส่งคำบังคับได้ส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ และพนักงานของจำเลยที่ได้รับคำบังคับไว้แทนจำเลยไม่ได้แจ้งให้จำเลยทราบ จำเลยไม่เคยได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องจำเลยจึงไม่ได้จงใจขาดนัด หากจำเลยมีโอกาสต่อสู้คดีแล้วมีทางชนะคดีโจทก์ทั้งสี่เนื่องจากมูลหนี้ที่โจทก์ทั้งสี่นำมาฟ้องจำเลยไม่มีมูลความจริงจำเลยไม่เคยมีนิติสัมพันธ์ใด ๆ กับโจทก์ทั้งสี่ เห็นว่า คำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยไม่ได้กล่าวอ้างปฏิเสธเลยว่าการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องรวมทั้งคำบังคับไปให้จำเลยเป็นการส่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายคงกล่าวอ้างเพียงว่า ไม่เคยได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องส่วนคำบังคับก็ได้รับล่าช้ามากเพราะพนักงานของจำเลยที่รับคำบังคับไว้แทนจำเลยไม่ได้แจ้งให้จำเลยทราบ จำเลยมิได้จงใจขาดนัด พฤติการณ์ตามข้ออ้างของจำเลยดังนี้ยังถือไม่ได้ว่าเป็นพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคหนึ่ง ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31 เมื่อได้ความว่าพนักงานของจำเลยได้รับคำบังคับที่ส่งโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับไว้แทนจำเลยเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2542 จำเลยจึงต้องยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ภายใน 15 วัน นับแต่วันส่งคำบังคับกล่าวคือต้องยื่นภายในวันที่ 2 ตุลาคม 2542 เมื่อจำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ในวันที่ 31 มกราคม 2543 จึงเป็นการยื่นหลังจากพ้นกำหนดดังกล่าวไม่ชอบด้วยบทกฎหมายข้างต้น ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งยกคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยชอบแล้ว

พิพากษายืน

Share