แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยไม่ได้กล่าวอ้างปฏิเสธเลยว่าการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องรวมทั้งคำบังคับไปให้จำเลยเป็นการส่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย คงกล่าวอ้างเพียงว่า ไม่เคยได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง ส่วนคำบังคับก็ได้รับล่าช้ามากเพราะพนักงานของจำเลยที่รับคำบังคับไว้แทนจำเลยไม่ได้แจ้งให้จำเลยทราบ จำเลยมิได้จงใจขาดนัด พฤติการณ์ตามข้ออ้างของจำเลยดังนี้ยังถือไม่ได้ว่าเป็นพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 208 วรรคหนึ่งประกอบด้วย พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522มาตรา 31
พนักงานของจำเลยได้รับคำบังคับที่ส่งโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับไว้แทนจำเลยเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2542 จำเลยจึงต้องยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ภายใน 15 วัน นับแต่วันส่งคำบังคับ กล่าวคือ ต้องยื่นภายในวันที่ 2ตุลาคม 2542 เมื่อจำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่หลังจากพ้นกำหนดดังกล่าวที่ศาลแรงงานมีคำสั่งยกคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยชอบแล้ว
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องจากศาลแรงงานกลางมีคำสั่งให้รวมพิจารณาพิพากษาคดีทั้งสี่สำนวนเข้าด้วยกัน ให้เรียกโจทก์ตามลำดับสำนวนว่าโจทก์ที่ ๑ ถึงโจทก์ที่ ๔โดยโจทก์ทั้งสี่สำนวนฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระค่าจ้างค้างจ่ายพร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมายแก่โจทก์ทั้งสี่ จำเลยขาดนัดและขาดนัดพิจารณา ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งให้พิจารณาชี้ขาดตัดสินคดีโจทก์ทั้งสี่ไปฝ่ายเดียว และพิพากษาให้จำเลยชำระค่าจ้างค้างจ่ายแก่โจทก์ทั้งสี่พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ทั้งได้ออกคำบังคับส่งไปถึงจำเลยเมื่อวันที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๔๒
จำเลยทั้งสี่สำนวนยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ ฉบับลงวันที่ ๓๑มกราคม ๒๕๔๓ อ้างว่า จำเลยเพิ่งทราบว่าโจทก์ทั้งสี่ฟ้องจำเลยเมื่อได้รับคำบังคับปลายเดือนมกราคม ๒๕๔๓ จำเลยมิได้จงใจขาดนัด จำเลยไม่เคยมีสัญญาจ้างใดๆกับโจทก์ทั้งสี่ หากจำเลยมีโอกาสต่อสู้คดี จำเลยมีทางชนะคดีโจทก์ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งว่า จำเลยยื่นคำร้องเมื่อพ้นกำหนด ๑๕ วัน นับแต่วันส่งคำบังคับ ทั้งไม่ปรากฏว่ามีพฤติการณ์นอกเหนือที่ไม่อาจบังคับได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา๒๐๘ ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.๒๕๒๒มาตรา ๓๑ ให้ยกคำร้อง
จำเลยทั้งสี่สำนวนอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่มีใจความว่า จำเลยเพิ่งทราบว่าโจทก์ทั้งสี่ฟ้องจำเลยเมื่อปลายเดือนมกราคม ๒๕๔๓ หลังจากจำเลยได้รับคำบังคับ ฉบับลงวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๔๒ จากพนักงานของจำเลยซึ่งมีจำนวนมาก เหตุที่จำเลยทราบเรื่องล่าช้าเพราะการส่งคำบังคับได้ส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ และพนักงานของจำเลยที่ได้รับคำบังคับไว้แทนจำเลยไม่ได้แจ้งให้จำเลยทราบ จำเลยไม่เคยได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องจำเลยจึงไม่ได้จงใจขาดนัด หากจำเลยมีโอกาสต่อสู้คดีแล้วมีทางชนะคดีโจทก์ทั้งสี่เนื่องจากมูลหนี้ที่โจทก์ทั้งสี่นำมาฟ้องจำเลยไม่มีมูลความจริง จำเลยไม่เคยมีนิติสัมพันธ์ใด ๆ กับโจทก์ทั้งสี่ เห็นว่า คำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยไม่ได้กล่าวอ้างปฏิเสธเลยว่าการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องรวมทั้งคำบังคับไปให้จำเลยเป็นการส่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย คงกล่าวอ้างเพียงว่า ไม่เคยได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องส่วนคำบังคับก็ได้รับล่าช้ามากเพราะพนักงานของจำเลยที่รับคำบังคับไว้แทนจำเลยไม่ได้แจ้งให้จำเลยทราบ จำเลยมิได้จงใจขาดนัด พฤติการณ์ตามข้ออ้างของจำเลยดังนี้ยังถือไม่ได้ว่าเป็นพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๐๘ วรรคหนึ่ง ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๓๑ เมื่อได้ความว่าพนักงานของจำเลยได้รับคำบังคับที่ส่งโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับไว้แทนจำเลยเมื่อวันที่ ๑๗ กันยายน๒๕๔๒ จำเลยจึงต้องยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันส่งคำบังคับกล่าวคือ ต้องยื่นภายในวันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๔๒ เมื่อจำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ในวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๔๓ จึงเป็นการยื่นหลังจากพ้นกำหนดดังกล่าว ไม่ชอบด้วยบทกฎหมายข้างต้น ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งยกคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยชอบแล้ว
พิพากษายืน.