แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์เข้าไปบริหารงานของบริษัทจำเลยในฐานะผู้ถือหุ้น การทำงานอิสระ ไม่ต้องมาทำงานทุกวันไม่อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของผู้ใดในบริษัทจำเลยและไม่ต้องอยู่ภายใต้ระเบียบข้อบังคับการทำงานของจำเลย โจทก์จึงไม่ใช่ลูกจ้างของจำเลยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 5 แม้โจทก์จะได้รับค่าตอบแทนจากจำเลยเป็นเงินเดือน ก็มิใช่ค่าจ้างตามสัญญาจ้างแรงงาน เมื่อโจทก์มิใช่ลูกจ้างจำเลยจึงไม่ต้องหักเงินสมทบส่งสำนักงานประกันสังคม การที่จำเลยหักเงินที่โจทก์ได้รับจากจำเลยส่งเป็นเงินสมทบแก่สำนักงานประกันสังคมก็ไม่มีผลทำให้โจทก์กลับมีฐานะกลายเป็นลูกจ้างของจำเลย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ตกลงรับการจ้างทำงานกับจำเลยในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการตลาดมาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2532 เงินเดือนสุดท้าย 40,000 บาท ต่อมาเดือนกุมภาพันธ์ 2544 จำเลยได้เลิกจ้างโจทก์โดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้าตามกฎหมาย โจทก์มีสิทธิได้รับเงินที่ไม่มีการบอกกล่าวล่วงหน้าเป็นเงิน 40,000 บาท โจทก์ทำงานเกินกว่า 13 ปี มีสิทธิได้รับค่าชดเชยเป็นเงิน 400,000 บาท เงินที่จำเลยหักไปจากเงินเดือนโดยไม่ชอบ 3 ครั้ง รวมเป็นเงิน 18,200 บาท เงินค่าภาษีหัก ณ ที่จ่าย 2 ครั้งใน 2 ปี ติดต่อกันหลักเลิกจ้างเป็นเงิน 59,361 บาท และจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่เป็นธรรม ทำให้โจทก์ขาดรายได้คิดเป็นเงิน 2,880,000 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินต่าง ๆ ดังกล่าวแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด ประกอบธุรกิจร้านอาหารใช้ชื่อทางการค้าว่า ร้านเบอร์เบิร์นสตรีท เดิมโจทก์เข้าเป็นหุ้นส่วนกับจำเลย แต่เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2544 โจทก์ตกลงออกจากการเป็นหุ้นส่วนและผู้บริหารของจำเลยโดยตกลงขายหุ้นของจำเลยในส่วนของโจทก์ทั้งหมดให้แก่นายดักลาส เบเกอร์ แฮริสัน กรรมการผู้มีอำนาจของจำเลยด้วยความสมัครใจ มีการตกลงชำระเงินบางส่วนและส่วนที่เหลือให้ผ่อนชำระ ในระหว่างผ่อนชำระนั้นโจทก์ขอให้จำเลยช่วยต่อใบอนุญาตการทำงานให้โจทก์ เพื่อโจทก์จะได้สิทธิทำงานในประเทศไทย โจทก์มิได้เป็นพนักงานของจำเลยตามที่กล่าวอ้าง หากแต่เข้ามาเป็นหุ้นส่วนและขายหุ้นดังกล่าว จำเลยมิได้เลิกจ้างโจทก์ โจทก์จึงไม่มีสิทธิได้รับเงินค่าชดเชย ค่าสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า และค่าเสียหาย จำเลยไม่เคยหักเงินเดือนโจทก์โดยไม่ชอบส่วนการหักเงินภาษี ณ ที่จ่ายของโจทก์นั้นเป็นความยินยอมของโจทก์ เพื่อประโยชน์ของโจทก์ในการดำเนินการต่อใบอนุญาตทำงานของโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “ศาลแรงงานกลางรับฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด มาตั้งแต่เดือนกันยายน 2529 ประกอบธุรกิจร้านอาหาร ใช้ชื่อร้านว่าเบอร์เบิร์นสตรีท ปัจจุบันมีนายดักลาส เบเกอร์ แฮริสัน เป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญของบริษัทกระทำการแทนบริษัท โจทก์ได้เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นของจำเลยตั้งแต่ปี 2531 และได้ร่วมกับนายดักลาส เบเกอร์ แฮริสัน บริหารกิจการของจำเลย โดยโจทก์ดูแลในเรื่องเอกสารต่าง ๆ รวมทั้งบริหารด้านการบัญชีและการเงิน ได้รับค่าตอบแทนในการบริหารครั้งสุดท้ายเป็นเงินเดือนละ 40,000 บาท ต่อมาวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2544 โจทก์ได้ขายหุ้นในบริษัทในส่วนของตนซึ่งขณะนั้นมีอยู่ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ให้แก่นายดักลาส เบเกอร์ แฮริสัน เป็นเงิน 3,600,000 บาท โจทก์ได้รับเงินแล้วจำนวน 2,600,000 บาท ส่วนที่เหลืออีก 1,000,000 บาท มีข้อตกลงให้นายดักลาส เบเกอร์ แฮริสันผ่อนชำระเดือนละ 40,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยมีกำหนด 24 เดือน เริ่มผ่อนชำระตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2544 ในระหว่างผ่อนชำระค่าหุ้นนั้น นายดักลาส เบเกอร์ แฮริสัน จะต้องต่อใบอนุญาตการทำงานของโจทก์ในการทำงานกับจำเลยต่อไปจนกว่าจะชำระค่าหุ้นหมด ตามเอกสารหมาย ล.1 หรือ ล.12 หรือ ล.13 หลังจากขายหุ้นแล้วโจทก์ไม่ได้เข้าไปทำงานกับจำเลยอีก แต่ได้เข้าไปช่วยฝึกงานด้านการบัญชีและการเงินให้พนักงานใหม่ของจำเลย 2 ถึง 3 ครั้ง นายดักลาส เบเกอร์ แฮริสัน ได้ผ่อนชำระค่าหุ้นให้โจทก์โดยจ่ายเป็นเงินเดือนของจำเลยให้แก่โจทก์จนครบสัญญา ในการจ่ายเงินนั้นได้หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย และหักเงินที่จำเลยให้แก่โจทก์เป็นเงินสมบทส่งสำนักงานประกันสังคม โดยระบุว่าโจทก์เป็นพนักงานของจำเลย คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่าโจทก์เป็นลูกจ้างของจำเลยหรือไม่ และจำเลยต้องรับผิดจ่ายเงินค่าชดเชย สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า และค่าเสียหายที่เกิดจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมให้แก่โจทก์หรือไม่ เพียงใด เห็นว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์เข้าไปบริหารงานของจำเลยในฐานะผู้ถือหุ้นการทำงานอิสระ ไม่ต้องมาทำงานทุกวันไม่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของผู้ใดในบริษัทจำเลยและไม่ต้องอยู่ภายใต้ระเบียบข้อบังคับการทำงานของจำเลย โจทก์จึงไม่ใช่ลูกจ้างของจำเลยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 5 แม้โจทก์จะได้รับค่าตอบแทนจากจำเลยเป็นเงินเดือนก็มิใช่ค่าจ้างตามสัญญาจ้างแรงงาน เมื่อโจทก์มิใช่ลูกจ้างจำเลยจึงไม่ต้องหักเงินสมทบส่งสำนักงานประกันสังคม การที่จำเลยหักเงินที่โจทก์ได้รับจากจำเลยส่งเป็นเงินสมทบแก่สำนักงานประกันสังคมก็ไม่มีผลทำให้โจทก์กลับมีฐานะกลายเป็นลูกจ้างของจำเลย อีกทั้งศาลแรงงานกลางรับฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์ไม่ได้ทำงานกับจำเลยอีกต่อไปเนื่องจากโจทก์ขายหุ้นของจำเลยในส่วนของโจทก์ให้แก่นายดักลาส เบเกอร์ แฮริสัน โดยที่จำเลยไม่ได้เลิกจ้างโจทก์ จำเลยจึงไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าและค่าเสียหายจากการเลิกจ้างไม่เป็นธรรมให้แก่โจทก์ ที่ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้องโจทก์มานั้นชอบแล้ว อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.