คำสั่งคำร้องที่ 2249/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยข้อ 2มิได้เป็นการโต้แย้งคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ภาค 1 แต่อย่างใดส่วนฎีกาข้อ 3 เป็นปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 จึงไม่รับฎีกาของจำเลย
จำเลยเห็นว่า ฎีกาข้อ 2 ของจำเลยที่ว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมเนื่องจากไม่ได้บรรยายฟ้องโดยชัดแจ้งว่า ที่ดินที่ตกลงซื้อขายเป็นที่ดินส่วนใดตั้งอยู่ที่ใด จำเลยจึงไม่อาจให้การต่อสู้คดีได้โดยถูกต้องนั้น เป็นการโต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1อยู่ในตัวแล้ว และเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 1 ส่วนฎีกาข้อ 3 ของ จำเลยที่ว่า ศาลจะรับฟังสำเนาสัญญาจะซื้อจะขายเอกสารหมาย จ.2 ไม่ได้ เพราะไม่ใช่ต้นฉบับ และการที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 รับฟัง ข้อเท็จจริงว่าจำเลยเป็นผู้ทำสัญญาหมาย จ.2 และใช้กระดาษก๊อบปี้ คั่นกลาง โดยพิจารณาจากคำแก้อุทธรณ์ของโจทก์ ซึ่งมิได้ เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้ว จึงเป็นการรับฟังข้อเท็จจริงที่มิได้ปรากฏในสำนวนนั้น เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยคืนเงินแก่โจทก์ จำนวน 65,000 บาท
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 76)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ ศาลชั้นต้นสั่งว่า จำเลยไม่นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาล ส่งศาลฎีกา(อันดับ 79)

คำสั่ง
จำเลยไม่นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาศาลล่างทั้งสองหรือหาประกันมาวางศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 234 ประกอบด้วยมาตรา 247 ก่อน จึงให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลย

Share