แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การรับสภาพหนี้หรือแปลงหนี้ใหม่ต้องมีมูลหนี้เดิมก่อนเมื่อ ท. ไม่มีหนี้ต้องรับผิดต่อโจทก์ แม้จำเลยทำบันทึกยอมใช้หนี้โจทก์แทน ท. ก็หาทำให้เอกสารดังกล่าวเป็นหนังสือรับสภาพหนี้หรือแปลงหนี้ใหม่ไม่ ทั้งไม่ก่อให้เกิดมูลหนี้จึงไม่ผูกพันจำเลย การนำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารต้องเป็นการนำสืบในลักษณะที่อ้างว่ายังมีข้อเท็จจริงอย่างอื่นเพิ่มเติมตัดทอนหรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความที่ปรากฏอยู่ในเอกสาร การที่จำเลยนำสืบถึงเหตุผลที่จำเลยต้องลงชื่อในเอกสารเพื่อแสดงว่าไม่มีมูลหนี้ที่จำเลยต้องรับผิด จึงมิใช่เป็นการนำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสาร
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำบันทึกยอมรับว่าเป็นหนี้ค่าน้ำมันบริษัทแพนปิโตรเลียม จำกัด โดยมีโจทก์เป็นผู้ค้ำประกัน บริษัทแพนปิโตรเลียม จำกัด ได้ฟ้องโจทก์และศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้บังคับคดีแล้ว ในวันทำบันทึกจำเลยชำระเงินให้แก่โจทก์ 10,000 บาทส่วนที่เหลือจะชำระเมื่อได้รับเงินจากทางราชการในฐานะคู่สัญญารับจ้างเสียก่อน ต่อมาจำเลยได้รับเงินจากทางราชการในฐานะคู่สัญญาเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่ชำระเงินให้โจทก์ โจทก์ทวงถามจำเลยเพิกเฉยขอให้บังคับจำเลยชำระเงินพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่าบันทึกที่โจทก์อ้างเป็นเพียงเอกสารที่จำเลยยอมรับว่านายทร ทองศรีอ้น สามีจำเลยเป็นหนี้ค่าน้ำมันบริษัทแพนปิโตรเลียม จำกัด โดยที่นายทรไม่ได้รู้เห็นในการทำบันทึกและบันทึกดังกล่าวมิใช่เอกสารที่แสดงว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์ไม่ใช่การรับสภาพหนี้หรือแปลงหนี้ใหม่ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ส่วนที่โจทก์ฎีกาเป็นข้อสุดท้ายว่าบันทึกเอกสารหมาย จ.1 มีผลผูกพันจำเลยนั้น เห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า นายทรมิได้เป็นหนี้ค่าน้ำมันบริษัทแพนปิโตรเลียมจำกัด และโจทก์ไม่ใช่ผู้ค้ำประกันนายทรต่อบริษัทแพนปิโตรเลียมจำกัด นายทรจึงไม่มีหนี้ที่จะต้องรับผิดโจทก์ ดังนั้นแม้จำเลยจะทำบันทึกยอมใช้หนี้ให้แก่โจทก์แทนนายทรตามเอกสารหมายจ.1 ก็หาทำให้เอกสารดังกล่าวเป็นหนังสือรับสภาพหนี้หรือแปลงหนี้ใหม่ไม่ เพราะไม่มีมูลหนี้เดิมที่จะให้รับสภาพหนี้หรือแปลงหนี้ใหม่เอกสารหมาย จ.1 ย่อมไม่ก่อให้เกิดมูลหนี้ จึงไม่มีผลผูกพันจำเลยให้ต้องรับผิดต่อโจทก์ ฎีกาของโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นเดียวกัน”
พิพากษายืน