คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 455/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ขณะที่จำเลยใช้มีดโต้ของกลางฟันผู้ตาย อาวุธปืนได้หลุดไปจากมือผู้ตายแล้ว ภยันตรายที่จำเลยจำต้องป้องกันผ่านพ้นไปแล้วไม่มีภยันตรายที่ใกล้จะถึงอันจะต้องป้องกันอีก การกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกัน แต่การที่ผู้ตายพยายามจะใช้อาวุธปืนยิงทำร้ายจำเลยก่อนจนจำเลยต้องเข้าแย่งอาวุธปืนกับผู้ตายและฟันผู้ตายถือได้ว่าจำเลยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมจึงเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289, 91 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา(ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4 พระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินฉบับที่ 44 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519 ข้อ 6 และริบมีดโต้กับลูกกระสุนปืนของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพข้อหาฐานฆ่าบุพการี แต่ปฏิเสธข้อหามีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289(1) ประกอบมาตรา 72 ลงโทษจำคุก 20 ปี จำเลยให้การรับสารภาพฐานฆ่าบุพการี ในชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 10 ปี ยกฟ้องข้อหามีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ริบมีดโต้ของกลางคำขอริบกระสุนปืนของกลางให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ในความผิดฐานฆ่าบุพการี คืนมีดโต้ของกลางแก่เจ้าของ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา ขอให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เมื่อจำเลยกับผู้ตายเดินสวนกันที่ทางเดินในป่าที่เกิดเหตุในวันเกิดเหตุก่อนจะเกิดเหตุนั้นจำเลยสอบถามผู้ตายและผู้ตายพูดตอบจำเลยในขณะอยู่ห่างกันประมาณ1 ศอก ทันใดนั้นเองผู้ตายได้ล้วงเอาอาวุธปืนลูกซองสั้นออกมาจากเอวและยกขึ้นเล็งมายังจำเลยทันที จำเลยได้กระโดดเข้าแย่งอาวุธปืนกับผู้ตาย และเสียงปืนได้ดังขึ้น 1 นัด ในระหว่างนั้นผู้ตายได้หักลำกล้องปืนและบรรจุกระสุนปืนใหม่จำเลยก็เข้าแย่งเป็นเหตุทำให้ปืนลั่นขึ้นอีก 1 นัด หลังจากนั้นจำเลยจึงได้ใช้มีดโต้ของกลางฟันผู้ตาย แต่ในขณะที่จำเลยใช้มีดโต้ของกลางฟันผู้ตายนั้น อาวุธปืนได้หลุดไปจากมือผู้ตายแล้ว ภยันตรายที่จำเลยจำต้องป้องกันได้ผ่านพ้นไป ไม่มีภยันตรายที่ใกล้จะถึงอันจะต้องป้องกันอีก การกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกันแต่อย่างใด แต่การที่ผู้ตายพยายามจะใช้อาวุธปืนยิงทำร้ายจำเลยก่อนจนจำเลยต้องเข้าแย่งอาวุธปืนกับผู้ตายและฟันผู้ตายนั้น พอถือได้ว่าจำเลยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม การที่จำเลยฟันผู้ตายจึงเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ และเห็นว่าเหตุที่เกิดขึ้นก็โดยการที่ผู้ตายเป็นผู้ก่อขึ้นก่อนทั้งสิ้นตามพฤติการณ์แห่งคดีแม้การกระทำของจำเลยจะเป็นความผิด แต่จำเลยได้กระทำไปเพราะเหตุบันดาลโทสะ ซึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 ศาลจะลงโทษจำเลยน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้ และเห็นว่าที่ศาลชั้นต้นกำหนดโทษจำคุกจำเลยและลดโทษให้แล้วคงจำคุก 10 ปี นั้น หนักเกินไปเห็นควรลงโทษให้น้อยลงอีก
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289(1) ประกอบมาตรา 72 ให้จำคุก 10 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 5 ปี ริบมีดโต้ของกลาง นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2

Share