แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยปล้นกระท่อมนาผู้เสียหาย แล้วต้อนกระบือผู้เสียหายพร้อมทั้งบังคับให้ผู้เสียหายกับพวกติดตามมาด้วย ครั้นจำเลยคุมตัวผู้เสียหายกับพวกห่างจากกระท่อมที่เกิดเหตุได้ประมาณ 40 เส้น จึงปล่อยให้ผู้เสียหายกับพวกกลับ ก่อนจะปล่อยตัวจำเลยได้ใช้ปืนยิงขู่ขึ้นฟ้า 2 นัด ดังนี้ การที่จำเลยใช้ปืนยิงในภายหลังไม่ใช่เพื่อความสะดวกในการปล้น หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุมอย่างใดการปล้นได้ขาดตอนไปแล้ว จึงมิใช่เป็นการยิงปืนอันต่อเนื่องกับการปล้นแต่ประการใด จะปรับเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 วรรคสี่ ไม่ได้ จำเลยคงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคสอง เท่านั้น
ย่อยาว
คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับพวกอีก ๒ คนได้ร่วมกันมีปืนเป็นอาวุธทำการปล้นเอากระบือของนายทองดี ศรีคุณชัย ไป ๔ ตัว โดยจำเลยกับพวกใช้ปืนจี้ขู่เข็ญจะทำร้ายนายทองดี ศรีคุณชัย กับนายผัน ภู่จาก และใช้ปืนยิงขู่อีกหลายนัด รุ่งขึ้นเจ้าพนักงานไปพบกระบือ ๔ ตัวของเจ้าทรัพย์ผูกอยู่ในป่า จึงได้คืนมาเป็นของกลางและจับจำเลยได้ในขณะนั้นขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐ วรรค ๔, ๘๓
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นเชื่อว่าจำเลยได้กระทำผิดตามฟ้อง พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐ วรรค ๔, ๘๓ ให้ลงโทษจำคุกจำเลย ๒๐ ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้วเชื่อว่าจำเลยเป็นคนร้ายร่วมกระทำการปล้นทรัพย์ผู้เสียหายจริง แต่ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นที่ฟังว่า ก่อนที่จำเลยและคนร้ายจะปล่อยตัวผู้เสียหายกับพวกกลับจำเลยและคนร้ายได้ยิงปืนขู่ขึ้นฟ้า จึงเป็นการปล้นทรัพย์โดยใช้ปืนยิงและปรับบทลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐ วรรค ๔นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย เพราะข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยและคนร้ายต้อนกระบือ ๔ ตัวออกจากใต้ถุนกระท่อม แล้วบังคับให้ผู้เสียหายกับพวกไปส่งทาง เมื่อจำเลยและคนร้ายคุมตัวผู้เสียหายกับพวกห่างจากกระท่อมที่เกิดเหตุประมาณ ๔๐ เส้น จึงปล่อยให้ผู้เสียหายกับพวกกลับก่อนจะปล่อย คนร้ายได้ยิงปืนขู่ขึ้นฟ้า ๒ นัด เห็นได้ว่า การที่จำเลยกับคนร้ายยิงปืนในภายหลังนั้น ไม่ใช่เพื่อความสะดวกในการปล้น หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุมอย่างใด การปล้นทรัพย์ได้ขาดตอนไปแล้ว จึงมิใช่เป็นการยิงปืนอันต่อเนื่องกับการปล้นแต่ประการใด จำเลยคงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐ วรรค ๒ เท่านั้น พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตาม มาตรา ๓๔๐ วรรค ๒ ให้วางโทษจำคุกจำเลย ๑๒ ปี