แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์จำเลยต่างเถียงกรรมสิทธิในสวนยางกัน จนคดีถึงศาล ศาลชั้นต้นพิพากษาห้ามไม่ให้โจทก์(ซึ่งเป็นจำเลยในคดีเดิม) เกี่ยวข้องกับสวนพิพาท จำเลยจึงเข้ากรีดยาง แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้โจทก์ชนะ ศาลฎีกาพิพากษายืนทีสวนยางนี้เป็นของโจทก์เพราะศาลพิพากษาคดีถึงที่สุดแล้ว เมื่อปรากฎว่าจำเลยได้กรีดยางในสวนยางนี้ตั้งแต่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้พิพากษากลับ ดังนี้ จำเลยก็ต้องรับผิดต่อโจทก์ ในการที่จำเลยกรีดน้ำยางในสวนยางของโจทก์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยในการที่จำเลยกรีดเอาน้ำยางจากสวนยางของโจทก์ไป
คู่ความรับกันว่า เดิมโจทก์จำเลยพิพาทกันเรื่องสวนยางนี้จนถึงฟ้องศาล ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชนะคดีห้ามไม่ให้โจทก์เกี่ยวข้องกับที่พิพาท แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ว่าที่รายนี้เป็นของโจทก์ เพราะศาลพิพากษาคดีถึงที่สุดแล้ว จำเลยได้กรีดน้ำยางตั้งแต่ศาลชั้นต้นพิพากษาถึงศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคิดราคายางที่กรีดได้หักค่าใช้จ่ายแล้วเป็นเงิน ๒๗๐๐ บาท
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยคืนเงิน ๒๗๐๐ บาทแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามกฎหมายต้องถือว่าคำพิพากษาในชั้นที่สุดของคดีเป็นคำพิพากษาบังคับคดีคำพิพากษาศาลชั้นต้นในคดีซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษากลับเสียแล้วนั้น จะใช้บังคับคดีหาได้ไม่ จำเลยจะอ้างคำพิพากษาที่ถูกกลับแล้วมาเป็นเหตุให้ไม่ต้องรับผิดหาได้ไม่ ที่จำเลยว่าโจทก์ได้ทราบการกระทำของจำเลย ไม่คัดค้าน ก็หาเป็นเหตุให้จำเลยพ้นจากความรับผิดไม่ เพราะจำเลยไม่มีอำนาจที่กรีดยางในที่พิพาท ซึ่งศาลได้ชี้ขาดแล้วว่า ไม่ใช่ที่ของจำเลย และเป็นที่ของโจทก์ ฎีกาจำเลยฟังไม่ขั้น
จึงพิพากษายืน