แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539 มาตรา 37 บัญญัติว่า คำสั่งทางปกครองที่ทำเป็นหนังสือและการยืนยันคำสั่งทางปกครองจะต้องมีเหตุผล และเหตุผลนั้นอย่างน้อยต้องประกอบด้วยข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญ ข้อกฎหมายที่อ้างอิง ข้อพิจารณา และข้อสนับสนุนในการใช้ดุลพินิจ เมื่อพิเคราะห์ถ้อยคำในหนังสือแจ้งคำชี้ขาดของผู้บริหารของจำเลยแล้ว เห็นได้ว่า จำเลยมิได้อ้างอิงข้อเท็จจริง หรือข้อกฎหมายใดมายืนยันว่า การประเมินของพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยชอบด้วยกฎหมายแล้ว จำเลยคงอ้างถึงคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีซึ่งจำเลยเป็นโจทก์ฟ้องโจทก์ในคดีนี้เป็นจำเลยเท่านั้น ทั้งข้ออ้างดังกล่าวไม่เข้าข้อยกเว้นที่จะไม่ต้องให้เหตุผลในข้อกฎหมายที่จะต้องอ้างอิงแต่อย่างใด หนังสือแจ้งคำชี้ขาดของคณะกรรมการอุทธรณ์ของจำเลยจึงไม่ชอบด้วยบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้เพิกถอนการประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดินของจำเลยตามแบบแจ้งการประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดิน (ภ.ร.ด.8)ประจำปี 2542 ถึง 2546 เล่มที่ 1 เลขที่ 18 ถึงเลขที่ 22 ลงวันที่ 9 กันยายน 2546 ทั้ง 5 ฉบับ และหนังสือแจ้งคำชี้ขาดของคณะกรรมการอุทธรณ์ ที่ ปท 74701/453 ฉบับลงวันที่ 30 กันยายน 2546 ให้จำเลยคืนเงินจำนวน 5,866,127.50 บาท ให้แก่โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษายกฟ้อง ให้โจทก์ใช้ค่าทนายความแทนจำเลยเป็นเงิน 5,000 บาท ค่าฤชาธรรมเนียมอื่นนอกจากนี้ให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า มีปัญหาตามอุทธรณ์โจทก์ว่า หนังสือแจ้งคำชี้ขาดของคณะกรรมการอุทธรณ์ของจำเลยชอบด้วยพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539 หรือไม่ เห็นว่า พระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 มาตรา 37 บัญญัติว่าคำสั่งทางปกครองที่ทำเป็นหนังสือและการยืนยันคำสั่งทางปกครองจะต้องมีเหตุผลและเหตุผลนั้นอย่างน้อยต้องประกอบด้วยข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญ ข้อกฎหมายที่อ้างอิง ข้อพิจารณาและข้อสนับสนุนในการใช้ดุลพินิจ เมื่อพิเคราะห์ถ้อยคำในหนังสือแจ้งคำชี้ขาดของผู้บริหารของจำเลยแล้ว เห็นได้ว่าจำเลยมิได้อ้างอิงข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายใดมายืนยันว่า การประเมินของพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยชอบด้วยกฎหมายแล้ว จำเลยคงอ้างถึงคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีซึ่งจำเลยได้เป็นโจทก์ฟ้องโจทก์ในคดีนี้เป็นจำเลยเท่านั้น ทั้งข้ออ้างดังกล่าวไม่เข้าข้อยกเว้นที่จะไม่ต้องให้เหตุผลในข้อกฎหมายที่จะต้องอ้างอิงแต่อย่างใด หนังสือแจ้งคำชี้ขาดของคณะกรรมการอุทธรณ์ของจำเลยจึงไม่ชอบด้วยบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว อุทธรณ์ของโจทก์ข้อนี้ฟังขึ้น กรณีจึงไม่จำต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์ว่า ที่ดินสนามกอล์ฟเป็นทรัพย์สินที่จะต้องเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินหรือไม่ เพราะไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลง
พิพากษากลับ ให้เพิกถอนหนังสือแจ้งคำชี้ขาดของจำเลยเลขที่ ปท 74701/453 ฉบับลงวันที่ 30 กันยายน 2546 ให้จำเลยคืนเงินค่าภาษีจำนวน 5,866,127.50 บาท แก่โจทก์ภายใน 3 เดือนนับแต่วันที่คำพิพากษาถึงที่สุด หากไม่คืนภายในกำหนด ให้ชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจากต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันครบกำหนด 3 เดือนนับแต่วันที่คำพิพากษาถึงที่สุด ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความรวม 10,000 บาท.