แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สิทธิเรียกร้องค่าทำงานในวันหยุดประจำสัปดาห์และค่าทำงานในวันหยุดตามประเพณีของลูกจ้างต้องอยู่ในบังคับ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(8) มีกำหนดอายุความ 2 ปีนับแต่วันถึงกำหนดจ่ายค่าทำงานในวันหยุดตามประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 29 ซึ่งเป็นวันที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้เป็นต้นไป สิทธิเรียกร้องดังกล่าวไม่ใช่จะมีขึ้นเมื่อมีการเลิกจ้าง
การที่จำเลยซึ่งเป็นนายจ้างนำค่าครองชีพมารวมจ่ายเป็นค่าจ้างอัตราใหม่ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2524 เป็นต้นมา ไม่ได้ทำให้ลูกจ้างซึ่งเข้าทำงานก่อนวันดังกล่าวและยอมรับการกระทำเช่นนั้นของจำเลยต้องเสียสิทธิที่มีอยู่เดิม ส่วนลูกจ้างที่เข้าทำงานหลังวันดังกล่าวก็จะได้รับค่าจ้างในอัตราที่รวมค่าครองชีพเข้าด้วยแล้ว การนำค่าครองชีพมารวมเป็นค่าจ้างดังกล่าว จึงชอบด้วยกฎหมาย
ย่อยาว
โจทก์ทั้งแปดฟ้องขอให้จำเลยจ่ายค่าทำงานในวันหยุดประจำสัปดาห์และในวันหยุดตามประเพณี ค่าเสียหายจากการเลิกจ้างไม่เป็นธรรมกับค่าครองชีพ
จำเลยทั้งสองให้การว่า ได้ปรับค่าครองชีพรวมเป็นค่าจ้างแล้วฟ้องที่เรียกเอาค่าทำงานในวันหยุดขาดอายุความ และการเลิกจ้างเป็นธรรม ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า ค่าทำงานในวันหยุดประจำสัปดาห์และวันหยุดตามประเพณีที่มีอยู่ก่อนวันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๓๑ นั้นขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๕(๘) โจทก์ทั้งแปดคงมีสิทธิได้รับเงินสำหรับการทำงานในวันหยุดประจำสัปดาห์และวันหยุดพักผ่อนประจำปีเฉพาะที่มีอยู่ ระหว่างวันที่ ๑๐ มกราคม๒๕๓๑ ถึงวันเลิกจ้างสำหรับค่าครองชีพ จำเลยที่ ๑ ได้ปรับค่าครองชีพโดยเอาค่าครองชีพที่จำเลยที่ ๑ เคยจ่ายมารวมเป็นค่าจ้างแล้วตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๒๔ และเมื่อจำเลยที่ ๑ จ่ายค่าจ้างให้ครบถ้วนแล้วจึงไม่ต้องจ่ายค่าครองชีพเพิ่มเติมอีก โจทก์ทั้งแปดไม่มีสิทธิได้รับค่าครอบชีพตามฟ้อง พิพากษาให้จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ร่วมกันจ่ายค่าทำงานในวันหยุดพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ทั้งแปด คำขออื่นให้ยก
โจทก์ทั้งแปดอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า โจทก์ทั้งแปดอุทธรณ์ปัญหาแรกว่าศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่าค่าทำงานในวันหยุดก่อนวันที่ ๑๐ มกราคม๒๕๓๑ ขาดอายุความนั้นไม่ถูกต้อง ทั้งนี้เพราะโจทก์ทั้งแปดได้ทำงานกับจำเลยตลอดมา จำเลยเลิกจ้างโจทก์ทั้งแปดวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๓๒เมื่อนับระยะเวลาจนถึงวันฟ้อง (วันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๓๓) เพียง๓ เดือนเท่านั้น จึงยังไม่ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๑๖๕(๘) เห็นว่า โจทก์ทั้งแปดฟ้องเรียกเอาค่าทำงานสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำสัปดาห์ และค่าทำงานในวันหยุดตามประเพณีซึ่งสิทธิที่จะเรียกร้องเอาค่าทำงานสำหรับกรณีดังกล่าวนั้นเมื่อโจทก์ทั้งแปดได้ ทำงานวันหยุดประจำสัปดาห์วันใด หรือทำงานในวันหยุดตามประเพณีวันใด เมื่อการทำงานได้ผ่านพ้นไปแล้ว โจทก์ทั้งแปดก็มีสิทธิที่จะเรียกร้องค่าทำงานในวันหยุดดังกล่าวได้ตามกำหนดเวลาที่มีการจ่ายค่าจ้าง ดังที่กำหนดไว้ในประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ ๒๙ ดังนั้นกรณีของโจทก์ทั้งแปดอายุความจึงต้องเริ่มนับแต่วันดังกล่าวอันเป็นวันที่โจทก์ทั้งแปดอาจบังคับสิทธิเรียกร้อง ได้เป็นต้นไปตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๙ มิใช่ว่าจะมีสิทธิเรียกร้องค่าทำงานในวันหยุดประจำสัปดาห์และวันหยุดตามประเพณี ต่อมาเมื่อมีการเลิกจ้างดังที่โจทก์ทั้งแปดอุทธรณ์
โจทก์ทั้งแปดอุทธรณ์ในประการต่อมาว่า คำสั่งของจำเลยที่ ๑ที่ให้ปรับค่าครองชีพของโจทก์มารวมเป็นค่าจ้างไม่มีผลใช้บังคับในปัญหานี้ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยข้อเท็จจริงมีว่า เงินค่าครองชีพซึ่งจ่ายตามระเบียบ พ.ศ. ๒๕๒๒ ได้ยกเลิกและปรับรวมเป็นค่าจ้างตามคำสั่งที่ ๒๘/๒๕๒๔ และมีคำสั่งของจำเลยที่ ๑ ที่ ๒๘/๒๕๒๔ เรื่องการปรับปรุงอัตราค่าจ้างพนักงาน ลงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๒๔ มาแสดงทั้งโจทก์ที่ ๑ ยอมรับว่าหลังวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๒๔ มีการปรับค่าแรงให้ รับฟังได้ว่า จำเลยที่ ๑ ได้ปรับค่าครองชีพโดยเอาค่าครองชีพที่เคยจ่ายมารวมจ่ายเป็นค่าจ้างแล้ว ตามข้อเท็จจริงที่ศาลแรงงานกลางฟังมาดังกล่าวนั้นแสดงว่าโจทก์ทั้งแปดได้ยอมรับเอาการที่จำเลยที่ ๑ นำเอาค่าครองชีพมารวมจ่ายเป็นค่าจ้างตลอดมาตั้งแต่เดือนตุลาคม ๒๕๒๔ กรณีของโจทก์ที่เข้าทำงานก่อนวันดังกล่าวนั้นถือได้ว่าได้ยอมรับเอาการที่จำเลยที่ ๑ ค่าครองชีพมารวมกับค่าจ้างเดิมเป็นค่าจ้างในอัตราใหม่ ตามคำสั่งดังกล่าวแล้วซึ่งการสั่งดังนั้นโจทก์มิได้เสียสิทธิที่มีอยู่เดิมแต่ประการใดกรณีจึงถือไม่ได้ว่าเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย ส่วนโจทก์ที่เข้าทำงานหลังวันดังกล่าวก็จะมีแต่ค่าจ้างในอัตราที่รวมค่าครองชีพเข้าด้วยแล้ว จึงไม่มีข้อที่จะอ้างได้ว่า การปรับค่าครองชีพมารวมเป็นค่าจ้างนั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
พิพากษายืน