คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8083/2542

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทั้งสามเป็นคนร้ายร่วมกันฆ่าผู้ตาย แต่โจทก์ไม่มีพยานรู้เห็นว่าจำเลยทั้งสามไตร่ตรองไว้ก่อน และไม่ปรากฎว่าจำเลยทั้งสามตั้งใจมาแต่ต้นว่าจะมาฆ่าผู้ตาย การที่จำเลยทั้งสามสมคบกันมาหาเรื่องวิวาทกับผู้ตาย เพราะเคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน ที่จำเลยที่ 1 เตรียมอาวุธปืนมาด้วยเพื่อใช้ในการวิวาท ก็เพราะฝ่ายจำเลยทราบดีว่าผู้ตายซึ่งเป็นยามรักษาความปลอดภัยมีอาวุธปืนประจำตัว และเมื่อจำเลยทั้งสามมาพบผู้ตายฝ่ายจำเลยก็หาได้ยิงหรือทำร้ายผู้ตายในทันทีทันใดไม่ แต่ได้หาเรื่องก่อการวิวาทขึ้นก่อน พฤติการณ์เช่นนี้ยังไม่พอฟังว่า การที่จำเลยทั้งสามร่วมกันฆ่าผู้ตายเป็นการกระทำโดยไตร่ตรองไว้ก่อน แม้จำเลยทั้งสามมิได้ยกปัญหาข้อนี้ขึ้นฎีกาโดยตรง ศาลฎีกาก็วินิจฉัยได้เองเพราะเป็นปัญหาที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225 อาวุธปืนขนาด 9 มม. ที่จำเลยใช้ยิงผู้ตายเป็นของผู้ตายเองดังนั้น กระสุนปืนหัวกระสุนปืน ปลอกกระสุนปืน ขนาด 9 มม.จึงไม่ใช่ทรัพย์ที่พึงริบ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามร่วมกันมีอาวุธปืนลูกซองสั้นขนาด 12 ชนิดประกอบขึ้นเองไม่มีหมายเลขทะเบียนประจำอาวุธปืนของเจ้าพนักงานประทับ 1 กระบอก และมีกระสุนปืนลูกซองขนาด 12 จำนวน 3 นัด ซึ่งเป็นอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่ใช้ยิงได้ ไว้ในครอบครองของจำเลยทั้งสามโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำเลยทั้งสามร่วมกันพาอาวุธปืนดังกล่าวติดตัวไปในเมืองหมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควรหรือมีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์จำเลยทั้งสามโดยมีอาวุธปืนติดตัวร่วมกันลักอาวุธปืนสั้นขนาด 9 มม. หมายเลขทะเบียน กท.3308870 จำนวน 1 กระบอก ราคา 22,000 บาท ของนายวิเชียร มีจั่นเพชร ผู้ตายไปโดยทุจริตโดยในการลักทรัพย์ ดังกล่าวจำเลยทั้งสามใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะ เพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดเพื่อให้พ้นการจับกุม แล้วจำเลยทั้งสามร่วมกันใช้อาวุธปืนลูกซองสั้นและอาวุธปืนสั้นขนาด 9 มม. ดังกล่าวยิงนายวิเชียรโดยเจตนาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เป็นเหตุให้นายวิเชียรถึงแก่ความตาย หลังเกิดเหตุเจ้าพนักงานตำรวจยึดได้หัวกระสุนปืนขนาด 9 มม. 2 หัว กระสุนปืนขนาด 9 มม. 1 นัด ปลอกกระสุนปืนลูกซองขนาด 12 จำนวน 1 ปลอก ปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 1 ปลอก รถจักรยานยนต์ยี่ห้อคาวาซากิรุ่นแม็ก 100 ไม่มีหมายเลขทะเบียน 1 คัน ซึ่งเป็นเครื่องกระสุนปืนและยานพาหนะที่จำเลยทั้งสามใช้ในการกระทำความผิดเป็นของกลาง ต่อมาวันที่ 5 ตุลาคม 2536 เจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยที่ 3 ได้วันที่ 17 ตุลาคม 2536 จำเลยที่ 1และที่ 2 เข้ามอบตัวพร้อมอาวุธปืนสั้นขนาด 9 มม. หมายเลขทะเบียน กท.3308870 ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 289, 335, 336 ทวิ, 371, 83, 91, 32, 33 พระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ และริบของกลางทั้งหมด
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา นายต่อม มีจั่นเพชร บิดาผู้ตาย ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาตเฉพาะความผิดฐานฆ่าผู้อื่นและลักทรัพย์
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4), 83, 371พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคแรก, 72 วรรคสาม, 72 ทวิ วรรคสอง เฉพาะจำเลยที่ 2 ยังมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 ประกอบมาตรา 336 ทวิ อีกกระทงหนึ่ง การกระทำผิดของจำเลยทั้งสามเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ให้ลงโทษประหารชีวิตจำเลยทั้งสาม ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนของผู้อื่นไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกคนละ 2 ปี ฐานร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ อันเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด จำคุกคนละ 1 ปี และเฉพาะจำเลยที่ 2 ให้ลงโทษฐานลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะจำคุก 2 ปี อีกกระทงหนึ่ง คำให้การรับสารภาพชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนของจำเลยทั้งสามเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา นับเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 52(1) ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ให้ลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสามตลอดชีวิต ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนของผู้อื่นไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุกคนละ 1 ปี 4 เดือน ฐานร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุกคนละ 8 เดือน และเฉพาะจำเลยที่ 2ในความผิดฐานลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ จำคุก 1 ปี 4 เดือน รวมโทษทุกกระทงความผิดแล้วให้จำคุกจำเลยทั้งสามตลอดชีวิตเพียงสถานเดียว ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(3) ริบของกลางยกเว้นรถจักรยานยนต์ไม่ริบ คำขอและข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในความผิดฐานร่วมกันมีอาวุธปืนของผู้อื่นไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ความผิดฐานร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต และความผิดเฉพาะจำเลยที่ 2 ฐานลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน โดยยังคงลงโทษจำคุกความผิดแต่ละฐานไม่เกิน 5 ปีจึงต้องห้ามฎีกาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218วรรคหนึ่ง คดีมีปัญหาสู่ศาลฎีกาเฉพาะความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนซึ่งข้อเท็จจริงรับฟังได้เป็นยุติว่า ในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง นายวิเชียร มีจั่นเพชร ผู้ตายถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงหลายนัดจนถึงแก่ความตาย
มีปัญหาวินิจฉัยว่า จำเลยทั้งสามเป็นคนร้ายหรือไม่ ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงรับฟังได้โดยปราศจากสงสัยว่า จำเลยทั้งสามเป็นคนร้ายร่วมกันฆ่าผู้ตาย พยานจำเลยทั้งสามไม่อาจหักล้างพยานโจทก์ได้ แต่ข้อหาที่ว่าจำเลยทั้งสามกระทำโดยไตร่ตรองไว้ก่อนนั้นโจทก์ไม่มีพยานรู้เห็นว่าจำเลยทั้งสามไตร่ตรองไว้ก่อนอย่างใด ไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสามตั้งใจมาแต่ต้นว่าจะมาฆ่าผู้ตาย พฤติการณ์ของจำเลยทั้งสามเป็นเพียงการที่จำเลยทั้งสามสมคบกันมาหาเรื่องวิวาทกับผู้ตายเพราะเคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อนโดยจำเลยที่ 1เตรียมอาวุธปืนมาด้วยเพื่อใช้ในการวิวาท อาจเป็นด้วยฝ่ายจำเลยทราบดีว่าผู้ตายซึ่งเป็นยามรักษาความปลอดภัยมีอาวุธปืนประจำตัว จำเลยที่ 1 จึงเตรียมอาวุธปืนมาด้วย และเมื่อจำเลยทั้งสามมาพบผู้ตาย ฝ่ายจำเลยก็หาได้ยิงหรือทำร้ายผู้ตายในทันทีทันใดไม่ แต่ได้หาเรื่องก่อการวิวาทขึ้นก่อน พฤติการณ์เช่นนี้ยังไม่พอฟังว่าการที่จำเลยทั้งสามร่วมกันฆ่าผู้ตายเป็นการกระทำโดยไตร่ตรองไว้ก่อน แม้จำเลยทั้งสามมิได้ยกปัญหาข้อนี้ขึ้นฎีกาโดยตรงศาลฎีกาก็วินิจฉัยได้เองเพราะเป็นปัญหาที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225 ปัญหาวินิจฉัยต่อไปคือเรื่องการริบทรัพย์สิน เห็นว่า อาวุธปืนขนาด 9 มม. ที่จำเลยที่ 2 ใช้ยิงผู้ตายเป็นของผู้ตาย ดังนั้น กระสุนปืน หัวกระสุนปืน ปลอกกระสุนปืน ขนาด 9 มม.จึงไม่ใช่ทรัพย์ที่พึงริบ
พิพากษาแก้เป็นว่า ในข้อหาความผิดต่อชีวิต จำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ลงโทษจำเลยทั้งสามจำคุกตลอดชีวิตลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบ มาตรา 53แล้วเป็นโทษจำคุก 33 ปี 4 เดือน รวมความผิดกระทงอื่นแล้วจำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 3คนละ 35 ปี 4 เดือน จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 36 ปี 8 เดือน ไม่ริบกระสุนปืน หัวกระสุนปืนปลอกกระสุนปืน ขนาด 9 มม. นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2

Share