คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 808/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยซึ่งเป็นคนต่างด้าวแสดงตัวเป็น ช. ซึ่งเป็นคนต่างด้าวเช่นกันและผ่านการตรวจของพนักงานเจ้าหน้าที่กองตรวจคนเข้าเมืองในนามของ ช. อันเป็นความเท็จนั้น มีผลเท่ากับจำเลยได้เดินทางเข้ามาใมนราชอาณาจักรไทยโดยมิได้ผ่านการตรวจของพนักงานเจ้าหน้าที่ จำเลยมีหน้าที่ตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2493 มาตรา 21 ที่จะต้องไปรายงานตัวต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ ที่ทำการตรวจคนเข้าเมืองที่ไกล้ที่สุดในทางที่เข้ามาโดยมิชักช้า ถ้าจำเลยไม่ปฏิบัติตาม การอยู่ต่อมาในราชอาณาจักรไทยของจำเลยก็เป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย อันเป็นความผิดต่อเนื่องตลอดมา เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องไว้แล้วว่า จำเลยได้อยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยมิชอบด้วยกฎหมายตั้งแต่วันที่จำเลยเข้ามาในราชอาณาจักรตลอดมาจนถึงวันฟ้อง คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นคนต่างด้าว เชื้อชาติกวางตุ้ง สัญชาติจีน ได้กระทำความผิดต่อกฎหมายหลายบท ต่างกรรมต่างวาระกัน กล่าวคือ เมื่อระหว่างวันที่ 3 มกราคม 2511 ถึงวันที่ 1 มีนาคม 2511 จำเลยได้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทย โดยมิได้ผ่านการตรวจของพนักงานเจ้าหน้าที่กองตรวจคนเข้าเมืองโดยถูกต้อง จำเลยทำหนังสือเดินทางซึ่งทางมาเลเซียออกให้แก่นายชัน เม็งจี มาใช้แสดงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่กองตรวจคนเข้าเมืองประเทศไทย เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2511 ว่าจำเลยชื่อนายชัน เม็งจี อันเป็นความเท็จความจริงจำเลยชื่อนายไคเชิน แซ่เจี๊ยะ จำเลยได้เอารูปถ่ายของจำเลยปิดแทนรูปถ่ายของนายชัน เม็งจี ในหนังสือเดินทาง เป็นเหตุให้พนักงานเจ้าหน้าที่กองตรวจคนเข้าเมืองหลงเชื่อว่าจำเลยคือนายชัน เม็งจี ที่แท้จริง จึงอนุญาตให้จำเลยเข้ามาในราชอาณาจักรไทย และจำเลยได้อยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ตั้งแต่วันที่จำเลยเข้ามาจนถึงวันฟ้องต่อมาวันที่ 1 มีนาคม 2511 และวันที่ 24 เมษายน 2511 จำเลยได้แจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อพันตำรวจตรีทศพล เสนียวงศ์ ณ อยุธยา และร้อยตำรวจเอกสมพร ลีละยูวะ ตามลำดับซึ่งเป็นเจ้าพนักงานว่า จำเลยชื่อนายชัน เม็งจี เพื่อขอเป็นคนเข้าเมืองและขอรับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2493 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นงดสืบพยานแล้ววินิจฉัยว่า คดีโจทก์ขาดอายุความ พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่จำเลยแสดงตัวเป็นนายชัน เม็งจี และผ่านการตรวจของพนักงานเจ้าหน้าที่กองตรวจคนเข้าเมืองในนามของนายชัน เม็งจี อันเป็นเท็จนั้น มีผลเท่ากับจำเลยได้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยมิได้ผ่านการตรวจของพนักงานเจ้าหน้าที่ จำเลยมีหน้าที่ตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2493 มาตรา 21 ที่จะต้องไปรายงานต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ณ ที่ทำการตรวจคนเข้าเมืองที่ใกล้ที่สุดในทางที่เข้ามาโดยมิชักช้า ถ้าจำเลยไม่ปฏิบัติตามการอยู่ต่อมาในราชอาณาจักรไทยของจำเลยก็เป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นความผิดต่อเนื่องตลอดมา โจทก์บรรยายฟ้องไว้แล้วว่า จำเลยอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยมิชอบด้วยกฎหมายตั้งแต่วันที่จำเลยเข้ามาในราชอาณาจักรจนถึงวันฟ้อง คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ

ส่วนความผิดฐานแจ้งความเท็จ โจทก์ฎีกาว่าโจทก์เพิ่งรู้ว่าจำเลยแจ้งเท็จเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2518 คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความนั้น ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 95 ให้เริ่มนับอายุความตั้งแต่วันกระทำความผิด หาใช่วันที่รู้ว่ามีการกระทำความผิดไม่ คดีโจทก์จึงขาดอายุความ

พิพากษายกคำพิพากษาศาลล่างทั้งสองเฉพาะความผิดตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปเฉพาะความผิดดังกล่าวแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

Share