แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อโจทก์ถูกจำเลยฟ้องเรียกเงินกู้ โจทก์ต่อสู้ว่าได้จ่ายเงินแทนจำเลยไปและจำเลยยอมหักกลบลบหนี้ให้ แต่ศาลไม่ยอมให้โจทก์นำสืบแล้วพิพากษาให้โจทก์ใช้เงินโจทก์จึงมาฟ้องเรียกเงินที่อ้างว่าจ่ายแทนจำเลยไปดังนี้ ถือว่าเป็นการฟ้องซ้ำ เพราะเป็นเรื่องอยู่ในประเด็นแห่งคดีแล้ว
ย่อยาว
ข้อเท็จจริงได้ความว่า เดิมจำเลยในคดีนี้ฟ้องโจทก์ให้ชำระเงินกู้ที่โจทก์กู้จำเลยไป 200 บาท โจทก์ให้การว่าได้ใช้ต้นเงินและดอกเบี้ยให้แก่จำเลยแล้ว จำเลยไม่หักกลบลบหนี้ให้ แต่ศาลชั้นต้นตัดสินให้โจทก์แพ้ โจทก์ไม่อุทธรณ์ฎีกาต่อไป กลับมาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ เรียกเงินที่โจทก์ชำระแก่จำเลยไปคืนฐานลาภมิควรได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงินโจทก์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่า เงินรายที่โจทก์ฟ้องนี้ โจทก์ได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ว่า ได้จ่ายเงินรายนี้เป็นการชำระหนี้เงินกู้ที่โจทก์ถูกฟ้องในคดีก่อนนั้นแล้ว แต่ศาลแขวงพระนครเหนือสั่งตัดไม่สืบพยานโจทก์ โดยวินิจฉัยว่า การชำระหนี้เมื่อไม่มีใบรับเป็นหนังสือจะนำสืบการใช้เงินไม่ได้ดังนี้ จะเห็นได้ว่าเป็นเรื่องที่อยู่ในประเด็นแห่งคดีก่อนนั้นแล้วจะรื้อฟื้นมาฟ้องร้องกันอีกไม่ได้จึงพิพากษายืน