คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 803/2490

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอว่าความร่วมกับอัยการ ศาลอนุญาตแล้วดำเนินการพิจารณาสืบพยานโจทก์จำเลยเสร็จจนพิพากษาคดี โดยโจทก์มิได้คัดค้านหรือทักท้วงว่าไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณา เพิ่งจะมาคัดค้านขึ้นในชั้นฎีกา และกระบวนพิจารณาที่ศาลชั้นต้นดำเนินไปนั้นศาลอุทธรณ์มิได้ถือเป็นข้อสำคัญในการวินิจฉัยคดีแล้ว ก็ไม่จำเป็นที่ศาลฎีกาจะสั่งให้มีการพิจารณาใหม่

ย่อยาว

ผู้เสียหายในคดีลักทรัพย์ ยื่นคำร้องขอตั้งทนายความว่าความร่วมกับอัยการ ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตและดำเนินการพิจารณาสืบพยานโจทก์จำเลยเสร็จแล้วพิพากษาลงโทษจำเลย อัยการหาได้คัดค้านหรือทักท้วงประการใด

ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง โดยไม่เชื่อพยานโจทก์และวินิจฉัยว่า การที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ผู้เสียหายแต่งทนายว่าความร่วมกับอัยการโดยไม่ได้ขออนุญาตเป็นโจทก์ร่วมด้วย ไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณา

โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว ที่โจทก์ฎีกาขอให้มีการพิจารณาใหม่ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 208 นั้นเห็นว่าคดีนี้ผู้เสียหายได้ยื่นคำร้องขอต่อศาลมาแต่เริ่มแรกก่อนดำเนินการพิจารณา ศาลชั้นต้นอนุญาตและดำเนินการพิจารณาสืบพยานโจทก์จำเลยเสร็จแล้ว พิพากษาคดี อัยการหาได้คัดค้านหรือทักท้วงประการใดไม่ เพิ่งจะมาคัดค้านขึ้นในชั้นฎีกา ภายหลังที่ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาคดีแล้ว และพิจารณาเห็นว่า ศาลอุทธรณ์มิได้ถือเหตุนี้เป็นข้อสำคัญในการพิพากษายกฟ้องคดีนี้ ศาลฎีกาจึงไม่เห็นเป็นการจำเป็นในการที่จะสั่งให้มีการพิจารณาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาที่โจทก์อ้าง และเห็นชอบด้วยการชี้ขาดข้อเท็จจริงของศาลอุทธรณ์ จึงพิพากษายืน

Share