แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
เมื่อผู้คัดค้านไม่ส่งมอบหนังสือรับรองการทำประโยชน์สำหรับที่ดินซึ่งเป็นทรัพย์มรดกให้ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกผู้ร้องย่อมไม่สามารถจัดการแบ่งทรัพย์มรดกให้แก่ทายาทได้การที่ผู้คัดค้านเป็นผู้ไปไถ่ถอนจำนองที่ดินจากธนาคารไม่ใช่เหตุที่จะอ้างไม่ส่งมอบหนังสือรับรองการทำประโยชน์ดังนั้น ที่ผู้ร้องไม่สามารถจัดการแบ่งทรัพย์มรดกให้แก่ทายาทจึงไม่ใช่ความผิดของผู้ร้อง ผู้คัดค้านเป็นบุตรเจ้ามรดก ทั้งผู้ร้องเป็นมารดาผู้คัดค้าน และเป็นภริยาเจ้ามรดกทุกฝ่ายจึงทราบดีอยู่แล้วว่าทรัพย์มรดก มีอะไรบ้าง การที่ผู้ร้องไม่จัดทำบัญชีทรัพย์มรดกจึงไม่พอฟังว่า ผู้ร้องมีเจตนาปิดบังทรัพย์มรดก ส่วนเรื่องผู้ร้องไม่เรียก ประชุมทายาทนั้นก็ปรากฏว่าทายาทบางคนอยู่ต่างประเทศ บางคนอยู่ต่างจังหวัดจึงเป็นการยากที่จะจัดประชุม ดังนั้น แม้ผู้ร้องไม่จัดทำบัญชีทรัพย์มรดกตามที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1728 และ 1729บัญญัติไว้ก็ตาม แต่ตามมาตรา 1731 ก็ให้อำนาจศาลที่จะใช้ ดุลพินิจพิจารณาว่า มีเหตุสมควรจะถอนผู้จัดการมรดกเพียงใดหรือไม่ ซึ่งตามพฤติการณ์เท่าที่ปรากฏยังไม่มีเหตุผลสมควรที่จะสั่งถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดก
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งนางหลิ่น แสนภาคผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของนายกรี แสนภาค ผู้ตาย ต่อมาผู้คัดค้านยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกและตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดก
ผู้ร้องยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ร้องไม่อาจแบ่งทรัพย์มรดกของผู้ตายเนื่องจากผู้คัดค้านไม่ให้ความร่วมมือ ขอให้ยกคำร้องขอของผู้คัดค้าน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องขอของผู้คัดค้าน
ผู้คัดค้านอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
ผู้คัดค้านฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยว่า มีเหตุสมควรที่จะถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกหรือไม่ โดยผู้คัดค้านฎีกาว่า ผู้คัดค้านมีเหตุผลที่จะไม่ส่งมอบหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้แก่ผู้ร้อง เพราะผู้คัดค้านเป็นผู้ไถ่ถอนจำนองที่ดินจากธนาคาร ผู้ร้องต้องชำระหนี้ให้ผู้คัดค้านแทนเสียก่อน ผู้คัดค้านจึงจะคืนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้ หากมอบหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้แก่ผู้ร้องแล้วความเสียหายก็จะเกิดขึ้นแก่ผู้คัดค้านและทายาทอื่น เห็นว่า เมื่อผู้คัดค้านไม่ส่งมอบหนังสือรับรองการทำประโยชน์สำหรับที่ดินซึ่งเป็นทรัพย์มรดกให้ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้จัดการมรดก ผู้ร้องย่อมไม่สามารถจัดการแบ่งทรัพย์มรดกให้แก่ทายาทได้ การที่ผู้คัดค้านเป็นผู้ไปไถ่ถอนจำนองที่ดินจากธนาคารไม่ใช่เหตุที่จะอ้างไม่ส่งมอบหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ดังนั้น ที่ผู้ร้องไม่สามารถจัดการแบ่งทรัพย์มรดกให้แก่ทายาท จึงไม่ใช่ความผิดของผู้ร้อง ที่ผู้คัดค้านฎีกาว่าผู้ร้องไม่ทำบัญชีทรัพย์มรดกมีเจตนาที่จะปิดบังทรัพย์มรดกไม่จัดประชุมทายาท ไม่สมควรที่จะเป็นผู้จัดการมรดกต่อไป เห็นว่าตามคำร้องขอและคำเบิกความของผู้คัดค้านและผู้ร้อง ข้อเท็จจริงได้ความว่า ผู้คัดค้านเป็นบุตรเจ้ามรดก ทั้งผู้ร้องเป็นมารดาผู้คัดค้านและเป็นภริยาเจ้ามรดก ทุกฝ่ายทราบดีอยู่แล้วว่าทรัพย์มรดกมีอะไรบ้าง การที่ผู้ร้องไม่จัดทำบัญชีทรัพย์มรดกจึงไม่พอฟังว่าผู้ร้องมีเจตนาปิดบังทรัพย์มรดก ส่วนเรื่องผู้ร้องไม่เรียกประชุมทายาท ข้อเท็จจริงยุติตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยโดยผู้คัดค้านไม่ได้ฎีกาโต้แย้งว่า ทายาทบางคนอยู่ต่างประเทศ บางคนอยู่ต่างจังหวัด จึงเป็นการยากที่จะจัดประชุม ดังนั้น ที่ผู้ร้องไม่จัดประชุมทายาทจึงไม่พอฟังว่าผู้ร้องละเลยไม่ทำการตามหน้าที่ แม้ผู้ร้องจะไม่จัดทำบัญชีทรัพย์มรดกตามที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1728 และ 1729บัญญัติไว้ก็ตาม แต่มาตรา 1731 ก็ให้อำนาจศาลที่จะใช้ดุลพินิจพิจารณาว่า มีเหตุสมควรจะถอนผู้จัดการมรดกเพียงใดหรือไม่ซึ่งตามพฤติการณ์เท่าที่ปรากฏยังไม่มีเหตุผลสมควรที่จะสั่งถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดก คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ชอบแล้ว ฎีกาผู้คัดค้านฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน