คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 801/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องจำเลยในข้อหาทำร้ายร่างกายถึงบาดเจ็บตามมาตรา295 ในชั้นพิจารณาปรากฏว่าบาดแผลผู้เสียหายถึงอันตรายสาหัสจึงขอเพิ่มเติมฟ้องในข้อหาทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัสตามมาตรา297 เช่นนี้ หาใช่เป็นแต่การแก้หรือเพิ่มเติมฟ้องโดยแก้หรือเพิ่มเติมฐานความผิด คือ บทมาตราในกฎหมายที่บัญญัติความผิดหรือรายละเอียดซึ่งต้องกล่าวไว้ในฟ้องเท่านั้นไม่จึงมิต้องด้วยบทบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 164 แต่อย่างไรก็ดี เมื่อข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอาการสาหัสของบาดแผลนี้เพิ่งมาปรากฏในชั้นพิจารณาของศาลมิได้ปรากฏมาแต่ในชั้นสอบสวน โจทก์จึงฟ้องคดีในความผิดที่ยังไม่มีการสอบสวนไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 120 (อ้างฎีกาที่750/2494)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยร่วมกันใช้ไม้ตีและชกต่อยถีบเตะนายแป้นเป็นอันตรายแก่กาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๕, ๘๓
จำเลยที่ ๑ ให้การต่อสู้ว่าทำไปเพื่อป้องกันจำเลยที่ ๔ มิให้ถูกทำร้าย ส่วนจำเลยที่ ๒, ๓, ๔ ให้การปฏิเสธ
ในระหว่างสืบพยานโจทก์ โจทก์ยื่นคำร้องว่า ในชั้นพิจารณาผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่า ๒๐ วัน ขอเพิ่มเติมฟ้องและคำขอท้ายฟ้องในข้อหาทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๗
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า การขอแก้ไขในข้อดังว่านี้ ตามกฎหมายไม่ให้ถือว่าจำเลยเสียเปรียบ และเมื่อพิจารณาข้อซักค้านของจำเลยแล้วเห็นว่า จำเลยมิได้หลงต่อสู้จึงอนุญาตให้เพิ่มเติมฟ้องได้
ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีแล้วเห็นว่า จำเลยทั้งสี่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๗, ๘๓ ให้จำคุกคนละ ๑ ปี แต่คำให้การของจำเลยที่ ๑ มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ ๑ ใน ๔ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๗๘ คงจำคุกจำเลยที่ ๑ ไว้ ๙ เดือน จำเลยทั้งสี่อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงยืนตามศาลชั้นต้นว่า จำเลยทั้ง ๔ทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย แต่ในข้อที่โจทก์ขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องเป็นข้อหาบาดเจ็บสาหัสตามมาตรา ๒๙๗ นั้น เห็นว่า เป็นการขอเปลี่ยนฐานความผิดอันมีอยู่ตามฟ้องเดิม โดยตั้งข้อหาขึ้นใหม่อันมีผลให้จำเลยต้องรับโทษหนักขึ้น อันเป็นผลร้ายแก่จำเลย ทั้งได้กระทำภายหลังสืบพยานโจทก์เกือบเสร็จสิ้นแล้ว จึงไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา และทำให้จำเลยเสียเปรียบในคดีเพราะจำเลยไม่มีโอกาสถามค้านพยานโจทก์ที่ได้สืบไปแล้ว เทียบเคียงคำพิพากษาฎีกาที่ ๔๐๔/๒๔๙๓ จึงพิพากษาแก้ ให้ลงโทษจำเลยทั้งสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๕, ๘๓ วางโทษจำเลยที่ ๑ หนักกว่าคนอื่นเพราะเป็นคนลงมือใช้ไม้ตีผู้เสียหาย ให้จำคุกไว้ ๘ เดือนจำเลยที่ ๒, ๓ และ ๔ คนละ ๖ เดือน แต่คำให้การจำเลยที่ ๑ มีเหตุบรรเทาโทษ ลดให้ ๑ ใน ๔ คงจำคุกไว้ ๖ เดือน
โจทก์ฎีกาในข้อหาแก้ไขเพิ่มเติมฟ้อง
ศาลฎีกาเห็นว่า การแก้ฟ้องโดยบรรยายข้อเท็จจริงอันเป็นสารสำคัญเพิ่มเติมว่าผู้เสียหายมีอาการทุกขเวทนาถึงอาการบาดเจ็บสาหัสซึ่งมิได้ปรากฏในฟ้องเดิมนั้น หาใช่เป็นการแก้หรือเพิ่มเติมฐานความผิดซึ่งต้องแถลงหรือมิได้กล่าวในฟ้อง อันจะต้องด้วยบทบัญญัติมาตรา ๑๖๔ ดังที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยไม่ อย่างไรก็ดีเมื่อศาลอนุญาตให้โจทก์เพิ่มเติมฟ้องแล้ว จำเลยยังคงให้การต่อสู้เหมือนเดิมไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบคดีนั้นแต่อย่างใด และในปัญหาที่จำเลยมิได้ซักค้าน ศาลก็อาจฟังพยานเพิ่มเติมได้ แต่ศาลฎีกาเห็นว่าข้อเท็จจริงตามคำร้องเพิ่มเติมฟ้องนี้เพิ่งมาปรากฏขึ้นในชั้นพิจารณาของศาล หาได้ปรากฏมาแต่ในชั้นสอบสวนแล้วไม่ โจทก์จึงฟ้องคดีในความผิดที่ยังไม่มีการสอบสวนไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๒๐ และนัยคำพิพากษาฎีกาที่ ๗๕๐/๒๔๙๔ โจทก์จึงขอเพิ่มเติมฟ้องในข้อนี้ไม่ได้
พิพากษายืน

Share