แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
การที่จำเลยร่วมกับพวกในการนัดหยุดงาน ปิดล้อมเครื่องบินและบีบบังคับให้สายการบินเลิกสัญญากับโจทก์ ถ้าไม่เลิกสัญญาก็จะไม่ยอมเลิกปิดล้อมและไม่ยอมให้เครื่องบินเดินทางต่อไปนั้น การบีบบังคับให้เลิกสัญญาดังกล่าวเป็นการกระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ทำให้โจทก์เสียหาย จึงเป็นการละเมิดจำเลยต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการละเมิดนั้น แม้โจทก์จะขาดทุนอยู่ก่อนก็ตาม
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 200,000 บาทให้โจทก์พร้อมดอกเบี้ย จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยมีส่วนร่วมในการนัดหยุดงานด้วย ข้อที่ต้องพิจารณามีว่า จำเลยมีส่วนร่วมในการบีบบังคับสายการบินลุฟแฮนซ่า และสายการบินแอร์ฟร้านช์หรือไม่นายปีเตอร์ เทรลลิก ผู้จัดการสถานีของบริษัทการบินลุฟแฮนซ่าที่ท่าอากาศยานกรุงเทพฯ เบิกความว่าจำเลยได้บอกให้บริษัทลุฟแฮนซ่าเลิกสัญญาบริการกับโจทก์ แล้วพวกปิดล้อมเครื่องบินจะเลิกปิดล้อม บริษัทแอร์ฟร้านซ์ก็เกิดกรณีเช่นเดียวกัน คือให้เลิกสัญญากับโจทก์แล้วคนงานจึงเลิกปิดล้อม ฝ่ายจำเลยปฏิเสธว่าไม่ได้มีส่วนในการบีบบังคับให้สายการบินทั้งสองเลิกสัญญากับโจทก์ ศาลฎีกาเห็นว่าการนัดหยุดงานและปิดล้อมเครื่องบินครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้โจทก์ปฏิบัติตามข้อเรียกร้องของพนักงานบริษัทโจทก์ เมื่อฟังว่าจำเลยมีส่วนร่วมในการนัดหยุดงาน ก็น่าเชื่อว่าเป็นความจริงตามที่นายปีเตอร์ เทรลลิก เบิกความเพราะการบีบบังคับให้สายการบินทั้งสองเลิกสัญญากับโจทก์ย่อมจะมีผลเป็นการบีบบังคับโจทก์ให้ปฏิบัติตามข้อเรียกร้องนั่นเอง จึงเห็นพ้องกับศาลอุทธรณ์ที่ฟังว่าจำเลยร่วมกับพวกในการนัดหยุดงานและปิดล้อมเครื่องบินของสายการบินลุฟแฮนซ่าและสายการบินแอร์ฟร้านซ์ กับบีบบังคับให้สายการบินทั้งสองเลิกสัญญากับโจทก์ ถ้าไม่เลิกสัญญาก็จะไม่ยอมเลิกปิดล้อมและไม่ยอมให้เครื่องบินเดินทางต่อไป การบีบบังคับให้สายการบินทั้งสองเลิกสัญญากับโจทก์เช่นนี้ เป็นการกระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ทำให้โจทก์เสียหายเป็นการละเมิด
ข้อต่อมา จำเลยฎีกาว่าการที่โจทก์ต้องหยุดกิจการหาทำให้โจทก์เสียหายขาดรายได้ไม่ บริษัทโจทก์ไม่มีรายได้ ไม่มีกำไร มีแต่ขาดทุนการหยุดงานของโจทก์จึงไม่เสียหาย
ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์จะมีกำไรหรือขาดทุนก็ตาม เมื่อจำเลยทำละเมิดจำเลยก็ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการละเมิดนั้น แม้โจทก์จะขาดทุนอยู่ก่อนจำเลยก็ไม่มีสิทธิที่จะทำความเสียหายให้ขาดทุนยิ่งขึ้น ศาลอุทธรณ์ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายโดยพิเคราะห์ถึงพฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิดที่จำเลยกับพวกก่อขึ้น เป็นการใช้ดุลพินิจตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 438 จำเลยมิได้ฎีกาว่าศาลอุทธรณ์ใช้ดุลพินิจโดยมิชอบอย่างใดไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลง”
พิพากษายืน