คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5223/2538

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า ที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยปักหลักหินบุกรุกเข้าไปในที่ดินของโจทก์ ขอให้ศาลพิพากษาว่าที่ดินพิพาทเนื้อที่ 1 ไร่ 2 งาน เป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้องและให้จำเลยรื้อถอนหลักหินออกไปจากที่ดินพิพาทจำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยปักหลักหินบุกรุกเข้าไปในที่ดินของโจทก์ ที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยครอบครองมาเกิน 10 ปีแล้วขอให้ยกฟ้อง เป็นการฟ้องเรียกร้องให้ได้ที่ดินพิพาทกลับคืนมาเป็นของโจทก์ ส่วนที่โจทก์ห้ามมิให้จำเลยเข้ามาเกี่ยวข้องและให้รื้อถอนหลักหินออกไปจากที่ดินพิพาทนั้นเป็นเพียงคำขอเกี่ยวเนื่อง คดีของโจทก์จึงเป็นคดีที่มีคำขอปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ เป็นคดีมีทุนทรัพย์ตามจำนวนราคาของที่ดินพิพาทนั้น เมื่อที่ดินพิพาทมีราคาเพียง 50,000 บาทจึงต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยเป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 1921และ 1923 เดิมจำเลยและนายพิน ทรงชอบ สามีจำเลยได้เช่าที่ดินของโจทก์ทำนา จำเลยจึงได้ทำการล้างคันนาแนวเขตเสียและนำหลักหินมาปักบุกรุกเข้ามาในที่ดินของโจทก์ทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตกประมาณ 13 1/2 วา และ 4 วา ตามลำดับ คิดเป็นเนื้อที่ 1 ไร่ 2 งาน ราคาประมาณ 50,000 บาท โจทก์ให้จำเลยรื้อถอนหลักหินออกไป แต่จำเลยไม่ยินยอมขอให้พิพากษาว่าที่ดินพิพาทเนื้อที่ 1 ไร่ 2 งาน เป็นของโจทก์ห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้องและให้จำเลยรื้อถอนหลักหินออกไปจากที่ดินพิพาท
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยเช่าที่นาของโจทก์ และไม่ได้ทำการล้างคันนาแนวเขต ที่ดินทั้งสองแปลงไม่มีหลักหิน จำเลยไม่เคยปักหลักหินบุกรุกเข้าไปในที่ดินของโจทก์ ที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยครอบครองมาเกิน 10 ปีแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่ดินพิพาทตามแผนที่พิพาทหมาย จ.8เนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ 1 งาน 76 ตารางวา เป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้อง ให้จำเลยรื้อหลักหินออกไปจากที่พิพาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า คดีของโจทก์เป็นคดีที่มีคำขอปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้หรือเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์หรือไม่ เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า ที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์จำเลยปักหลักหินบุกรุกเข้าไปในที่ดินของโจทก์ ขอให้ศาลพิพากษาว่าที่ดินพิพาทเนื้อที่ 1 ไร่ 2 งาน เป็นของโจทก์ห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้องและให้จำเลยรื้อถอนหลักหินออกไปจากที่ดินพิพาทจำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยปักหลักหินบุกรุกเข้าไปในที่ดินของโจทก์ที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยครอบครองมาเกิน 10 ปี ขอให้ยกฟ้องเป็นการฟ้องเรียกร้องให้ได้ที่ดินพิพาทกลับคืนมาเป็นของโจทก์ ส่วนที่โจทก์ห้ามมิให้จำเลยเข้ามาเกี่ยวข้องและให้รื้อถอนหลักหินออกไปจากที่ดินพิพาทนั้นเป็นเพียงคำขอเกี่ยวเนื่อง คดีของโจทก์จึงเป็นคดีที่มีคำขอปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ เป็นคดีมีทุนทรัพย์ตามจำนวนราคาของที่ดินพิพาทนั้น เมื่อที่ดินพิพาทมีราคาเพียง50,000 บาท จึงต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง เมื่อจำเลยอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยให้จึงชอบแล้ว”
พิพากษายืน

Share