แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 4 มีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ คำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 4 เป็นที่สุด ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236 วรรคหนึ่ง โจทก์ไม่มีสิทธิยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกา ยกคำร้อง
โจทก์เห็นว่า อุทธรณ์ของโจทก์ที่ว่าคดีมีทุนทรัพย์หรือไม่มีทุนทรัพย์นั้นเป็นปัญหาข้อกฎหมาย ไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236 ซึ่งต้องห้ามอุทธรณ์เฉพาะเนื้อหาสาระในอุทธรณ์เท่านั้น คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับฎีกา จึงไม่ถูกต้อง โปรดรับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ จำเลยยังมิได้รับสำเนาคำร้อง
โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาว่า โจทก์มีสิทธิครอบครองที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ น.ส.3 ก. เลขที่ 572(ที่ถูกโฉนดที่ดินเลขที่ 25578) ตำบลยางคำ อำเภอหนองเรือ จังหวัดขอนแก่น และเพิกถอนการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 25578 ตำบลยางคำ อำเภอหนองเรือ จังหวัดขอนแก่น ระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์
โจทก์ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์ภาค 4 มีคำสั่งว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาท และจำเลยทั้งสองต่อสู้กรรมสิทธิ์ จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์ตามราคาที่ดินพิพาท แม้โจทก์มีคำขอเพิกถอนนิติกรรมระหว่างจำเลยทั้งสองด้วย ก็เป็นเพียงคำขอไม่มีผลให้คดีโจทก์กลายเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ไปได้ ดังนั้นเมื่อราคาที่ดินพิพาทไม่เกินห้าหมื่นบาทย่อมต้องห้ามมิให้คู่ความอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงและการพิจารณาว่า คดีมีเหตุอันควรอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงหรือไม่เป็นอำนาจของผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นโดยเฉพาะ เมื่อผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นไม่รับรองให้โจทก์อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงแล้ว ย่อมไม่มีเหตุจะรับอุทธรณ์ของโจทก์ไว้พิจารณาได้ และโจทก์จะขอให้ศาลอุทธรณ์ภาค 4 รับรองว่ามีเหตุอันควรอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงอีกมิได้ ให้ยกคำร้อง
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับดังกล่าว (อันดับ 60)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 61)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า คำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 4 เป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236 วรรคแรก ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาคำสั่งของโจทก์ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง