แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีแรกศาลพิพากษาลงโทษจำเลยข้อหาฉ้อโกง จำคุก 4 ปี นับแต่วันที่ 18 ตุลาคม 2528 คดีหลังศาลพิพากษาลงโทษจำเลยข้อหา ฉ้อโกงประชาชน ความผิดต่อ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจ หลักทรัพย์และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ และความผิดต่อ พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน รวมจำคุก 20 ปี นับแต่วันที่ 8 เมษายน2528 เมื่อศาลมิได้พิพากษาให้นับโทษ ในคดีหลังต่อจากคดีแรกโทษจำคุกในคดีแรกจึงซ้อนและเกลื่อนกลืน ไปกับโทษจำคุกในคดีหลัง จำเลยจึงมิได้รับโทษเกินกว่า 20 ปี ไม่ขัดต่อ ป.อ. มาตรา 91(2).
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 พระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 มาตรา 4, 5, 12 พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์พ.ศ. 2522 มาตรา 11, 71, 73 รวม 3,016 กระทงแต่รวมโทษจำคุกแล้วคงให้จำคุกจำเลยคนละ 20 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนหรือใช้เงินจำนวน 706,681,800 บาทแก่ผู้เสียหาย ให้นับโทษจำเลยที่ 2 ต่อจากโทษจำคุกในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 3821/2529 ของศาลชั้นต้น โจทก์อุทธรณ์เฉพาะคดีส่วนแพ่งศาลชั้นต้นจึงออกหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดให้แก่จำเลยทั้งสองโดยโทษจำคุกของจำเลยของจำเลยที่ 1 ให้เริ่มนับแต่วันที่ 8เมษายน 2528 ซึ่งเป็นวันที่จำเลยที่ 1 ถูกจับกุมและถูกคุมขังตลอดมา
จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องว่า นอกจากคดีนี้แล้วจำเลยที่ 1ยังถูกศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกฐานฉ้อโกงมีกำหนด 4 ปี ปรากฏตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 412/2529 ของศาลชั้นต้น ในคดีดังกล่าวจำเลยที่ 1ถูกขังระหว่างพิจารณาตั้งแต่ วันที่ 18 ตุลาคม 2528 ตลอดมา ขอให้ศาลชั้นต้นนำวันต้องขังระหว่างพิจารณาและโทษจำคุกในคดีดังกล่าวมาคิดหักจากโทษจำคุกคดีนี้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อศาลชั้นต้นมิได้นับโทษจำคุกในคดีนี้ต่อจากโทษจำคุกในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 412/2529 ดังกล่าว จำเลยที่ 1จึงต้องรับโทษจำคุกมีกำหนด 4 ปี ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 412/2529นับแต่วันที่ 18 ตุลาคม 2528 ตามหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดในคดีดังกล่าว ส่วนคดีนี้ จำเลยที่ 1 ต้องรับโทษจำคุกมีกำหนด 20 ปีนับแต่วันที่ 8 เมษายน 2528 ตามหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุด โทษจำคุกของจำเลยที่ 1 ในคดีดังกล่าวซึ่งมีกำหนดเวลาเพียง 4 ปี กับโทษจำคุกของจำเลยที่ 1 ในคดีนี้ซึ่งมีกำหนดเวลา 20 ปี จึงซ้อนกัน โทษจำคุก4 ปีในคดีดังกล่าวจึงเกลื่อนกลืนกันไปกับโทษจำคุก 20 ปีในคดีนี้กรณีจึงหาใช่จำเลยที่ 1 จะต้องรับโทษจำคุกเกินกว่า 20 ปี ดังที่จำเลยที่ 1 ฎีกาไม่
พิพากษายืน.