คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8009/2547

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2534 มาตรา 104 (2) บัญญัติให้ศาลที่มีอำนาจพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัวมีอำนาจใช้วิธีการสำหรับเด็กและเยาวชนแทนการลงโทษทางอาญา โดยเปลี่ยนโทษจำคุกเป็นการส่งตัวไปควบคุมเพื่อฝึกอบรมตามเวลาที่ศาลกำหนดแต่ต้องไม่เกินกว่าเด็กหรือเยาวชนนั้นมีอายุครบยี่สิบสี่ปีบริบูรณ์ บทบัญญัติดังกล่าวไม่ได้ห้ามเรื่องการนับระยะเวลาฝึกอบรมต่อเนื่องกัน กรณีจึงเป็นอำนาจของศาลที่จะใช้ดุลพินิจว่าสมควรจะให้นับระยะเวลาฝึกอบรมต่อเนื่องกับระยะเวลาฝึกอบรมของคดีอื่นหรือไม่ก็ได้ ทั้งนี้โดยคำนึงถึงสวัสดิภาพและอนาคตของเด็กหรือเยาวชนซึ่งควรได้รับการฝึกอบรมสั่งสอนและสงเคราะห์ให้กลับตัวเป็นพลเมืองดีและให้เหมาะสมกับตัวเด็กหรือเยาวชนเป็นคน ๆ ไป ตามมาตรา 82 ของกฎหมายดังกล่าว เมื่อศาลชั้นต้นเห็นสมควรจะให้จำเลยที่ 1 ฝึกอบรมต่อเนื่องกับการฝึกอบรมในคดีอาญาอีกคดีหนึ่งของศาลชั้นต้นแล้วก็มีอำนาจที่จะพิพากษาหรือมีคำสั่งได้โดยการฝึกอบรมต้องไม่ให้ระยะเวลาเกินกว่าจำเลยที่ 1 มีอายุครบยี่สิบสี่ปีบริบูรณ์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ป.อ. มาตรา 334, 335, 357, 83 ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์เป็นเงิน 800 บาท แก่ผู้เสียหาย และกำหนดโทษจำเลยที่ 1 ที่รอการกำหนดโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 320/2543 ของศาลชั้นต้น เข้ากับโทษหรือระยะเวลาการฝึกและอบรมในคดีนี้ นับโทษหรือระยะเวลาการฝึกและอบรมจำเลยที่ 2 ต่อจากโทษหรือระยะเวลาการฝึกและอบรมของจำเลยที่ 1 ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 71/2544 ของศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพในข้อหาลักทรัพย์ จำเลยที่ 1 รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่ศาลรอการกำหนดโทษ และจำเลยที่ 2 รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยที่ 1 ในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษหรือระยะเวลาการฝึกและอบรมต่อ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 335 (7) (9) วรรคสอง เมื่อได้คำนึงถึงอายุ ประวัติ ความประพฤติ สติปัญญา การศึกษาอบรม สุขภาพ นิสัย อาชีพ สิ่งแวดล้อม ทั้งสภาพของความผิด ประกอบกับรายงานแสดงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเด็กหรือเยาวชนของสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนครสวรรค์แล้ว ปรากฏว่าขณะกระทำผิดจำเลยที่ 1 อายุ 15 ปีเศษ ลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งตาม ป.อ. มาตรา 75 จำคุก 1 ปี จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตาม ป.อ. มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 6 เดือน แต่จำเลยที่ 1 กระทำผิดเพราะความเยาว์วัย หากได้รับการอบรมขัดเกลานิสัยความประพฤติ น่าจะเป็นผลดีแก่จำเลยที่ 1 ยิ่งกว่าได้รับโทษจำคุก อาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2534 มาตรา 104 (2) เปลี่ยนโทษจำคุกจำเลยที่ 1 เป็นส่งจำเลยที่ 1 ไปฝึกและอบรมที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนครสวรรค์ มีกำหนด 9 เดือน นับระยะเวลาฝึกและอบรมต่อจากระยะเวลาฝึกและอบรมของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 320/2543 ของศาลชั้นต้น สำหรับจำเลยที่ 2 และที่ 3 ขณะกระทำผิดอายุ 13 ปีเศษ ยังไม่ต้องรับโทษอาศัยอำนาจตาม ป.อ. มาตรา 74 (5) ส่งจำเลยที่ 2 และที่ 3 ไปฝึกและอบรมที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนครสวรรค์ มีกำหนด 9 เดือน ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันคืนทรัพย์หรือใช้ราคาทรัพย์เป็นเงิน 800 บาท แก่ผู้เสียหาย สำหรับคำขอที่ให้นับโทษหรือระยะเวลาฝึกอบรมของจำเลยที่ 2 ติดต่อกับโทษหรือระยะเวลาฝึกและอบรมของจำเลยที่ 1 ในคดีหมายเลขดำที่ 71/2544 ของศาลชั้นต้น เนื่องจากคดีดังกล่าวยังมิได้มีคำพิพากษา จึงไม่อาจนับโทษหรือระยะเวลาฝึกและอบรมให้ได้ ให้ยกคำขอในส่วนนี้
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ โดยผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดนครสวรรค์ อนุญาตให้อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 แผนกคดีเยาวชนและครอบครัว พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่นับระยะเวลาฝึกและอบรมจำเลยที่ 1 ต่อจากระยะเวลาฝึกและอบรมของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 320/2543 ของศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นว่ากล่าวตักเตือนจำเลยที่ 2 และมอบตัวจำเลยที่ 2 ให้แก่ยายซึ่งเป็นผู้ปกครองรับไป โดยวางข้อกำหนดให้ผู้ปกครองจำเลยที่ 2 ระวังไม่ให้จำเลยที่ 2 ก่อเหตุร้ายขึ้นอีกภายในกำหนด 2 ปี มิฉะนั้นผู้ปกครองจำเลยที่ 2 จะต้องชำระเงินต่อศาลชั้นต้นครั้งละ 1,000 บาท กับให้คุมความประพฤติจำเลยที่ 2 ไว้ภายในระยะเวลาดังกล่าว โดยให้จำเลยที่ 2 ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก 4 เดือนต่อครั้ง ห้ามจำเลยที่ 2 เกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้โทษ และสิ่งมึนเมาทุกชนิด ห้ามคบกับบุคคลประพฤติไม่ดี ห้ามเที่ยวเตร่ยามวิกาลและห้ามเล่นการพนัน ให้จำเลยที่ 2 เข้าศึกษาต่อและตั้งใจศึกษา โดยนำหลักฐานการศึกษาและผลการศึกษามาแสดงต่อพนักงานคุมประพฤติทุกครั้งที่มารายงานตัวด้วย ตาม ป.อ. มาตรา 74 (1) (2) (3) ประกอบมาตรา 56 ความผิดฐานรับของโจทก์ให้ยก และยกคำขอที่ให้กำหนดโทษที่รอการกำหนดโทษไว้ของจำเลยที่ 1 แล้วบวกเข้ากับโทษหรือระยะเวลาฝึกและอบรมในคดีนี้ กับคำขอที่ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ เป็นเงิน 800 บาท แก่ผู้เสียหาย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า ตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2534 มาตรา 104 (2) บัญญัติให้ศาลที่มีอำนาจพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัวมีอำนาจใช้วิธีการสำหรับเด็กและเยาวชนแทนการลงโทษทางอาญา โดยเปลี่ยนโทษจำคุกเป็นการส่งตัวไปควบคุมเพื่อฝึกอบรมตามเวลาที่ศาลกำหนดแต่ต้องไม่เกินกว่าเด็กหรือเยาวชนนั้นมีอายุครบยี่สิบสี่ปีบริบูรณ์ บทบัญญัติดังกล่าวไม่ได้ห้ามเรื่องการนับระยะเวลาฝึกอบรมต่อเนื่องกัน กรณีจึงเป็นอำนาจของศาลที่จะใช้ดุลพินิจว่าสมควรจะให้นับระยะเวลาฝึกอบรมต่อเนื่องกับระยะเวลาฝึกอบรมของคดีอื่นหรือไม่ก็ได้ ทั้งนี้โดยคำนึงถึงสวัสดิภาพและอนาคตของเด็กหรือเยาวชนซึ่งควรได้รับการฝึกอบรมสั่งสอนและสงเคราะห์ให้กลับตัวเป็นพลเมืองดีและให้เหมาะสมกับตัวเด็กหรือเยาวชนเป็นคน ๆ ไป ตามมาตรา 82 ของกฎหมายดังกล่าว สำหรับคดีนี้ เมื่อศาลชั้นต้นเห็นสมควรจะให้จำเลยที่ 1 ฝึกอบรมต่อเนื่องกับการฝึกอบรมในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 320/2543 ของศาลชั้นต้นแล้วก็มีอำนาจที่จะพิพากษาหรือมีคำสั่งได้โดยการฝึกอบรมต้องไม่ให้ระยะเวลาเกินกว่าจำเลยที่ 1 มีอายุครบยี่สิบสี่ปีบริบูรณ์ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาว่าศาลชั้นต้นไม่อาจนับระยะเวลาฝึกและอบรมต่อจากคดีก่อนได้นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้นับระยะเวลาฝึกและอบรมจำเลยที่ 1 ต่อจากระยะเวลาฝึกและอบรมของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 320/2543 ของศาลชั้นต้น โดยการฝึกอบรมต้องไม่ให้ระยะเวลาเกินกว่าจำเลยที่ 1 มีอายุครบยี่สิบสี่ปีบริบูรณ์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6 แผนกคดีเยาวชนและครอบครัว.

Share