คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8007/2543

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยขอออกโฉนดที่ดินเฉพาะรายโดยไม่ชอบขอให้ศาลมีคำสั่งห้ามเจ้าพนักงานที่ดินออกโฉนดที่ดินให้แก่จำเลยเป็นคำฟ้องที่ขอให้บังคับเจ้าพนักงานที่ดินให้กระทำการหรือไม่กระทำการ เมื่อโจทก์มิได้ฟ้องเจ้าพนักงานที่ดินเป็นจำเลย จึงขอให้บังคับ เจ้าพนักงานที่ดินซึ่งเป็นบุคคลภายนอกไม่ได้ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 วรรคสอง คำขอของโจทก์จึงไม่ชอบและไม่อาจบังคับได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2534 ได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในท้องที่อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดินโจทก์จึงเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินที่เป็นเขตปฏิรูปที่ดินดังกล่าว เมื่อวันที่8 กันยายน 2538 จำเลยนำแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) เลขที่ 132 หมู่ที่ 4 ตำบลชำนิ อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งอยู่ในเขตปฏิรูปที่ดินของโจทก์ไปยื่นขอออกโฉนดที่ดินต่อสำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ สาขานางรอง เจ้าพนักงานที่ดินได้สอบสวนและดำเนินการตามคำขอของจำเลย ผู้แทนโจทก์คัดค้านเพราะที่ดินพิพาทตั้งอยู่หมู่ที่ 8 ซึ่งไม่เคยมีผู้ใดได้รับหลักฐานแบบแจ้งการครอบครองที่ดินแต่อย่างใด ที่ดินตามแบบแจ้งการครอบครองที่ดินที่จำเลยนำมาอ้างตั้งอยู่หมู่ที่ 4 ซึ่งไม่มีหลักฐานใดยืนยันว่าเป็นที่ดินแปลงเดียวกับที่ดินพิพาท เป็นการนำแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) ของที่ดินแปลงอื่นมาขอออกโฉนดที่ดิน เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ สาขานางรองสอบสวนเปรียบเทียบแล้ว มีคำสั่งให้ออกโฉนดที่ดินให้แก่จำเลยตามที่ได้นำรังวัดสอบสวนการกระทำของจำเลยเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายขอให้มีคำสั่งห้ามเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ สาขานางรอง ออกโฉนดที่ดินให้แก่จำเลย และยกเลิกคำขอออกโฉนดที่ดินของจำเลย

จำเลยให้การว่า ที่ดินพิพาทเดิมเป็นของนายสัมฤทธิ์ โสมวงศ์บิดาจำเลย ได้แจ้งการครอบครองที่ดินตั้งแต่ปี 2498 เมื่อนายสัมฤทธิ์ถึงแก่ความตายจำเลยได้ครอบครองทำประโยชน์อย่างเป็นเจ้าของจนถึงปัจจุบันโดยไม่มีผู้ใดโต้แย้งและเจ้าของที่ดินข้างเคียงรับรองแนวเขตถูกต้อง ที่ดินพิพาทตามแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) ระบุว่าตั้งอยู่หมู่ที่ 4 ซึ่งเป็นหมู่เดิมปัจจุบันคือหมู่ที่ 8 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นเห็นว่า คดีพอวินิจฉัยได้ จึงให้งดสืบพยานโจทก์และจำเลย

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นเฉพาะส่วนที่ยกฟ้องโจทก์ในประเด็นที่ขอให้ยกเลิกคำขอออกโฉนดที่ดินของจำเลยแล้วให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานแล้วพิพากษาในประเด็นดังกล่าวไปตามรูปคดี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์เพียงประเด็นเดียวว่า โจทก์มีสิทธิฟ้องขอให้ศาลมีคำสั่งห้ามเจ้าพนักงานที่ดินซึ่งเป็นบุคคลภายนอกมิได้เป็นคู่ความในคดีออกโฉนดที่ดินให้แก่จำเลยหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าเมื่อวันที่8 กันยายน 2538 จำเลยนำแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) เลขที่ 132 หมู่ที่ 4 ตำบลชำนิ อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ซึ่งอยู่ในเขตปฏิรูปที่ดินของโจทก์ไปยื่นขอออกโฉนดที่ดินต่อเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ สาขานางรอง ผู้แทนโจทก์คัดค้านเนื่องจากบริเวณที่ดินดังกล่าวไม่เคยมีผู้ใดได้รับหลักฐานแบบการแจ้งการครอบครองที่ดิน แต่เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ สาขานางรองทำการสอบสวนเปรียบเทียบแล้วมีคำสั่งให้ออกโฉนดที่ดินแก่จำเลยตามที่ได้นำรังวัดสอบสวน ขอให้มีคำสั่งห้ามเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ สาขานางรอง ออกโฉนดที่ดินให้แก่จำเลย เป็นการฟ้องว่าจำเลยขอออกโฉนดที่ดินเฉพาะรายโดยไม่ชอบซึ่งการขอออกโฉนดที่ดินเฉพาะรายนั้น ผู้ที่มีสิทธิครอบครองในที่ดินจะต้องนำหลักฐานที่แสดงว่าตนมีสิทธิครอบครองที่ดิน เช่น แบบแจ้งการครอบครอง ที่ดิน (ส.ค.1)ใบจองหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เป็นต้น ไปแสดงต่อเจ้าพนักงานที่ดินเมื่อเจ้าพนักงานที่ดินรับคำขอแล้วจะทำการรังวัดสอบสวนสิทธิในที่ดินของผู้ยื่นคำขอและพิจารณาว่าจะดำเนินการออกโฉนดที่ดินให้แก่ผู้ยื่นคำขอหรือไม่ ทั้งนี้ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดไว้ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 56, 59 ประกอบกฎกระทรวงฉบับที่ 43 ลงวันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2537 ฟ้องของโจทก์ที่ขอให้ศาลมีคำสั่งห้ามเจ้าพนักงานที่ดินออกโฉนดที่ดินให้แก่จำเลยนั้นเป็นคำฟ้องที่ขอให้บังคับเจ้าพนักงานที่ดินให้กระทำการหรือไม่กระทำการเมื่อโจทก์มิได้ฟ้องเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ สาขานางรองเป็นจำเลย จึงขอให้บังคับเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ สาขานางรองซึ่งเป็นบุคคลภายนอกไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 145 วรรคสอง คำขอของโจทก์จึงไม่ชอบและไม่อาจบังคับได้ที่โจทก์ฎีกาว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท โจทก์จึงมีสิทธิคัดค้านการออกโฉนดที่ดินของจำเลยและผลแห่งคำพิพากษาเป็นเรื่องเกี่ยวกับทรัพยสิทธิย่อมผูกพัน เจ้าพนักงานที่ดินในอันที่จะต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลในทำนองว่า สามารถใช้ยันแก่บุคคลภายนอกได้นั้นก็หาใช่เป็นเรื่องบังคับให้เจ้าพนักงานที่ดินกระทำการหรือไม่กระทำการแต่อย่างใดไม่ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายกฟ้องของโจทก์ในส่วนนี้ จึงชอบแล้ว

พิพากษายืน

Share