คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 80/2545

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ความผิดฐานมีอาวุธปืนไม่มีทะเบียนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตกับความผิดฐานมีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมายไว้ในครอบครองเป็นความผิดกรรมเดียวกัน ต้องลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 72 วรรคหนึ่ง ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดเพียงบทเดียว
เมื่อข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าหมวกไหมพรม และกระเป๋าใส่เงินของกลาง จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษและมิใช่ทรัพย์สินที่ได้มาโดยได้กระทำความผิดในคดีนี้ จึงไม่อาจริบได้ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้จำเลยมิได้ฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจหยิบยกขึ้นว่ากล่าวและแก้ไขให้ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน กล่าวคือจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำนวน 6.5 เม็ด กับผงอีก 1 หลอด น้ำหนัก 5.702กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และเสพเมทแอมเฟตามีนจำนวนไม่ปรากฏชัด โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย กับมีอาวุธปืนยาวขนาด .22เครื่องหมายทะเบียนประจำอาวุธปืนเลขหมายทะเบียนที่ กท.190422ซึ่งเป็นของนางซอย สุขสม ผู้ซึ่งได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมาย และกระสุนปืนขนาด .22 จำนวน 5 นัด กับมีอาวุธปืนสั้นขนาด .32 ไม่มีเครื่องหมายทะเบียนของเจ้าพนักงานประทับจำนวน1 กระบอก และกระสุนปืนขนาด .32 จำนวน 8 นัด ซึ่งอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวสามารถใช้ยิงได้ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ตามกฎหมาย และมีกระสุนปืนเล็กกลขนาด .223 (5.56 มม.) จำนวน 1 นัด ซึ่งใช้ยิงได้และเป็นเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย เหตุเกิดที่ตำบลไตรตรึงษ์อำเภอเมืองกำแพงเพชร จังหวัดกำแพงเพชร เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมยึดเมทแอมเฟตามีนกับผงเมทแอมเฟตามีน อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน อุปกรณ์การเสพเมทแอมเฟตามีน 1 ชุด ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่จำเลยมีไว้และใช้เป็นความผิดดังกล่าวเงินสด 133,840บาท ซึ่งจำเลยได้มาจากการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน หมวกไหมพรม1 ใบ กระเป๋าถือ 1 ใบ กระเป๋าหนังสะพาย 1 ใบ และกระเป๋าใส่เงิน1 ใบ ซึ่งจำเลยใช้บรรจุเงินสดดังกล่าวเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8,15, 57, 66, 67, 91, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 91พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 4, 7, 55, 72, 78ริบเมทแอมเฟตามีน อาวุธปืนสั้นขนาด .32 กระสุนปืนขนาด .32กระสุนปืนขนาด 5.56 มม. อุปกรณ์การเสพเมทแอมเฟตามีนธนบัตร หมวกไหมพรมและกระเป๋าของกลาง

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 67, 57, 91พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 วรรคหนึ่ง, 72 วรรคสาม,78 วรรคหนึ่ง (ที่ถูกต้องระบุมาตรา 55 ประกอบด้วย) เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจำคุก 5 ปี ฐานเสพเมทแอมเฟตามีน จำคุก 1 ปี ฐานมีอาวุธปืนของผู้อื่นไว้ในครอบครอง จำคุก 6 เดือน ฐานมีอาวุธปืนไม่มีทะเบียนไว้ในครอบครอง จำคุก 1 ปี และฐานมีกระสุนปืนที่นายทะเบียนออกใบอนุญาตให้ไม่ได้จำคุก 2 ปี รวมจำคุก 8 ปี 6 เดือน ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสาม คงจำคุก 4 ปี 20 เดือน ริบเมทแอมเฟตามีน อาวุธปืนสั้นขนาด .32 กระสุนปืนขนาด .32 กระสุนปืนขนาด 5.56 มม. อุปกรณ์การเสพเมทแอมเฟตามีนหมวกไหมพรมและกระเป๋าของกลาง ส่วนธนบัตรจำนวน 133,840บาท ให้คืนแก่เจ้าของ

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาแก้เป็นว่า ความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ให้จำคุก3 ปี ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสามคงจำคุก 2 ปี เมื่อรวมกับโทษฐานอื่นแล้วเป็นจำคุก 3 ปี 24 เดือนนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่ามีเหตุสมควรลงโทษจำเลยในสถานเบาและรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยหรือไม่ เห็นว่า นอกจากจำเลยจะมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและเสพเมทแอมเฟตามีนด้วยแล้ว จำเลยยังกระทำความผิดฐานมีอาวุธปืน ทั้งที่มีทะเบียนและไม่มีทะเบียนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต อีกทั้งมีกระสุนปืนชนิดที่นายทะเบียนสามารถออกใบอนุญาตให้ได้และไม่สามารถจะออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายอีกด้วย พฤติการณ์แห่งคดีนับว่าเป็นเรื่องร้ายแรงที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 ใช้ดุลพินิจกำหนดโทษและไม่รอการลงโทษจำคุกให้นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น

อนึ่ง สำหรับความผิดฐานมีอาวุธปืนไม่มีทะเบียนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตกับความผิดฐานมีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมายไว้ในครอบครองดังที่โจทก์ฟ้องนั้น เป็นความผิดกรรมเดียวกันและต้องลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 72 วรรคหนึ่ง ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดเพียงบทเดียว ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายืนตามกันมาให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานมีอาวุธปืนมีทะเบียนและไม่มีทะเบียนแยกมาเป็นสองกรรมนั้นเป็นการไม่ชอบ ส่วนที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายืนตามกันมาให้ริบหมวกไหมพรมและกระเป๋าของกลางนั้น ข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าทรัพย์สินดังกล่าวจำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษ และมิใช่ทรัพย์สินที่ได้มาโดยได้กระทำความผิดในคดีนี้จึงไม่อาจริบได้ ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยมิได้ฎีกาศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นว่ากล่าวและแก้ไขให้ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสองประกอบมาตรา 225”

พิพากษาแก้เป็นว่า ความผิดฐานมีอาวุธปืน จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 วรรคหนึ่งและวรรคสามเป็นการกระทำกรรมเดียวกันผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานมีอาวุธปืนไม่มีทะเบียนตามมาตรา 72 วรรคหนึ่ง ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดเพียงบทเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 1 ปีเมื่อลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้วคงจำคุก 8 เดือน เมื่อรวมกับโทษฐานอื่นแล้วคงลงโทษจำเลยจำคุก 3 ปี20 เดือน ไม่ริบหมวกไหมพรมและกระเป๋าของกลางโดยให้คืนแก่เจ้าของนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6

Share