แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีมีคำบังคับขับไล่จำเลยแล้ว แต่ยังไม่ทันออกไปจากห้องพิพาทจำเลยไปทำสัญญาเช่ากับโจทก์ใหม่โดยศาลมิได้รู้เห็นด้วยต่อมาโจทก์มาขอให้ศาลขับไล่จำเลยตามคำบังคับศาลย่อมบังคับให้จำเลยจะยกเรื่องการเช่าใหม่ให้ศาลไต่สวนในคดีเดิมโดยโจทก์มิได้รับรองข้ออ้างของจำเลยด้วยไม่ได้ จำเลยชอบที่จะไปฟ้องร้องเป็นคดีขึ้นใหม่
ย่อยาว
คดีนี้พิพาทกันชั้นบังคับคดี เดิมโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยทำยอมออกไป ศาลพิพากษาตามยอมแล้ว ต่อมาโจทก์ร้องว่าจำเลยไม่ยอมออกไปจากห้องพิพาท จำเลยคัดค้านว่าโจทก์ให้จำเลยเช่าตึกนั้นใหม่หลังจากทำยอมแล้ว จะบังคับขับไล่จำเลยไม่ได้
ชั้นไต่สวน ฝ่ายจำเลยนำสืบ แต่โจทก์ไม่ติดใจสืบพยานศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงสมจำเลยว่า สัญญาประนีประนอมยอมความนั้นแม้จะมีคำพิพากษาไปแล้ว คู่กรณีก็ยังตกลงกันเป็นอย่างอื่นได้เมื่ออาศัย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1379 – 1380 ประกอบแล้ว แม้จำเลยจะไม่ได้ออกไปจากตึกพิพาทเลย ก็ตกลงเช่ากันใหม่ได้ สำหรับเรื่องนี้ถือได้ว่ามีการส่งมอบทรัพย์ที่เช่าคืนและทำเช่าใหม่รับมอบแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิจะขอให้บังคับคดีอีกให้ยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้จำเลยออกไปจากตึกพิพาท
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อยังไม่มีการปฏิบัติตามคำบังคับที่ให้จำเลยออกไปจากตึกพิพาท แม้จำเลยจะถือว่าตนมีสิทธิเหนือบุคคลอยู่กับโจทก์ที่ได้ตกลงรับเงินกินเปล่าและค่าเช่าไปแล้วก็ตาม ก็ชอบที่จะต้องฟ้องร้องว่ากล่าวเป็นคดีใหม่ จะยกเป็นเหตุไม่ต้องปฏิบัติตามคำบังคับในคดีนี้โดยศาลมิได้รู้เห็นและโจทก์มิได้รับรองข้ออ้างอิงของจำเลยด้วยไม่ได้ พิพากษายืน