คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8/2512

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นผู้มีส่วนได้เสียจากการเช่าที่ดินของวัด. ได้พูดกับโจทก์ว่าไปหลอกลวงพระ. โดยพูดต่อหน้าผู้ว่าราชการจังหวัด. ที่ให้มีการเจรจาไกล่เกลี่ยในเรื่องการปลูกสร้างตึกแถวในที่ดินของวัด. ดังนี้ ถือว่าเป็นการกล่าวในฐานะที่ตนมีส่วนได้เสียและเพื่อความเป็นธรรมในฐานะที่ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้แทนฝ่ายคู่พิพาทกับโจทก์.จึงเป็นการแสดงความคิดเห็นหรือข้อความที่ถูกกล่าวหาโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรมป้องกันส่วนได้เสียของตน. จำเลยไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกล่าวคำพูดหมิ่นประมาทโจทก์ว่า “ลื้อไปหลอกลวงพระใช่ใหม” ต่อหน้าผู้ว่าราชการจังหวัดและบุคคลอื่นเป็นเหตุให้โจทก์เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ขอให้ลงโทษ ศาลแขวงนครราชสีมาไต่สวนมูลฟ้องแล้วมีคำสั่งว่าคดีมีมูล จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นเห็นว่า จำเลยผิดตามมาตรา 326 จึงพิพากษาจำคุก1 เดือน และปรับ 500 บาท โทษจำคุกให้ยกตามมาตรา 55 จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่า การที่จำเลยพูดกับโจทก์ว่า ลื้อมีหนังสือไปหลอกลวงพระ เป็นการพูดไปโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรมและเพื่อป้องกันส่วนได้เสียของจำเลย ให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยเป็นผู้มีส่วนได้เสียจากการเช่าที่ดินของวัด เป็นผู้หนึ่งที่เช่าห้องและที่ของวัด ทั้งจำเลยกับพวกอีก 4 คนเป็นตัวแทนของผู้เช่าเดิม จำเลยพูดไปในฐานะที่ตนมีส่วนได้ส่วนเสีย และเพื่อความเป็นธรรม ในฐานะที่ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้แทนผ่ายคู่พิพาทกับโจทก์ พูดต่อหน้าผู้ว่าราชการจังหวัดที่ให้มีการเจรจาไกล่เกลี่ยในเรื่องการปลูกสร้างตึกแถวในที่ดินให้แก่วัด จำเลยแสดงความคิดเห็นหรือข้อความที่ถูกกล่าวหาโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรมป้องกันส่วนได้เสียของตน และเกี่ยวกับตนเป็นผู้แทนผู้เช่าทั้งปวงตามทำนองคลองธรรมแล้ว กรณีต้องด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 ไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท พิพากษายืน.

Share