คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7994/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยยื่นคำร้องขอให้เรียกจำเลยร่วมเข้ามาเป็นคู่ความ เมื่อจำเลยเป็นฝ่ายแพ้คดีจึงต้องใช้ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความแทนอีกฝ่ายหนึ่งตามที่บัญญัติไว้ใน ป.วิ.พ. มาตรา 161
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยไม่ได้กำหนดค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ให้แก่จำเลยร่วมเป็นการไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาเห็นควรแก้ไข

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระหนี้ไถ่ถอนจำนองให้แก่โจทก์เป็นเงิน ๑๕,๙๗๐,๔๒๖.๑๖ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๘ ต่อปี จากต้นเงิน ๑๔,๙๘๗,๔๑๕.๙๒ บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ หากจำเลยทั้งสองไม่ชำระหรือชำระไม่ครบถ้วนให้ยึดทรัพย์จำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาดนำเงินชำระหนี้ให้โจทก์ หากได้เงินไม่พอให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสองออกขายทอดตลาดนำเงิน ชำระหนี้ให้โจทก์จนครบถ้วน
จำเลยที่ ๑ ให้การว่า นิติกรรมระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ ๑ เป็นการที่จำเลยที่ ๑ กระทำแทนนายสัมภาษณ์ สุวรรณพุ่ม ทั้งสิ้นโดยนายสัมภาษณ์สมคบกับจำเลยที่ ๒ ด้วยการให้จำเลยที่ ๒ จำนองที่ดินและค้ำประกันการ ชำระหนี้ของจำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๑ ไม่เคยรับเงินจากโจทก์ จึงชอบที่จะบังคับเอาจากทรัพย์สินของนายสัมภาษณ์และจำเลยที่ ๒ ทั้งเมื่อบอกเลิกสัญญาแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๘ ต่อปี ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณา จำเลยที่ ๑ ยื่นคำร้องขอให้เรียกนายสัมภาษณ์ สุวรรณพุ่ม เข้ามาเป็นจำเลยร่วม ศาลอนุญาต
จำเลยร่วมให้การว่า จำเลยที่ ๑ รู้จักกับจำเลยร่วมเมื่อครั้งที่จำเลยร่วมเป็นผู้จัดการของโจทก์สาขาบางชัน ต่อมาจำเลยร่วมกับพวกดำเนินการจัดสรรที่ดินขาย จำเลยที่ ๑ ได้ซื้อที่ดินไป ๘ ไร่ ในราคา ๑๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดย กู้ยืมเงินโจทก์ ในการนี้จำเลยที่ ๑ ขอร้องให้จำเลยร่วมจัดการให้จำเลยที่ ๒ ซึ่งมีชื่อถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินที่จัดสรรแทนจำเลยร่วมให้มีชื่อเข้ามาอยู่ในทะเบียนบ้านของจำเลยที่ ๑ เพื่อสะดวกในการทำนิติกรรมต่าง ๆ เมื่อจำเลยที่ ๑ รับโอน ที่ดินมาแล้วได้ตั้งบริษัทจัดสรรที่ดินขึ้นโดยร่วมกับบุคคลภายนอกและให้ภริยาจำเลยร่วมเข้าร่วมหุ้นด้วย จำเลยร่วมเชื่อถือจำเลยที่ ๑ จึงยินยอม แต่จำเลยที่ ๑ กลับฉ้อฉลเงินลงทุนของผู้ถือหุ้นที่ดินที่จัดสรรก็ไม่สามารถขายได้ เป็นเหตุให้ไม่สามารถชำระหนี้โจทก์ทั้งต้นเงินและดอกเบี้ย โดยจำเลยร่วมไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ ๒ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระหนี้ไถ่ถอนจำนองแก่โจทก์เป็นเงินจำนวน ๑๕,๙๗๐,๔๒๖.๑๖ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๘ ต่อปี จากต้นเงิน ๑๔,๙๘๗,๔๑๕.๙๒ บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ หากจำเลยทั้งสองไม่ชำระหรือชำระไม่ครบถ้วน ให้ยึดทรัพย์จำนองพร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้โจทก์ หากขายทรัพย์จำนองได้เงินไม่พอชำระหนี้ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสองออกขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ให้โจทก์จนครบ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความ ๕๐,๐๐๐ บาท ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยร่วม ค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์กับจำเลยร่วมให้เป็นพับ ให้จำเลยที่ ๑ ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลยร่วม โดยกำหนดค่าทนายความ ๑๐๐,๐๐๐ บาท
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์ โดยได้รับอนุญาตให้อุทธรณ์อย่างคนอนาถา
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้จำเลยที่ ๑ ใช้ค่าทนายความแทนโจทก์ ๑๐,๐๐๐ บาท
จำเลยที่ ๑ ฎีกา โดยได้รับอนุญาตให้ฎีกาอย่างคนอนาถา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นรับฟังได้ว่า จำเลยที่ ๑ได้เปิดบัญชีกระแสรายวันกับธนาคารโจทก์สาขาสะพานใหม่ และทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีในวงเงิน ๑๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท และฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยร่วมไม่ได้ตั้งให้จำเลยที่ ๑ เป็นตัวแทนในการทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีกับธนาคารโจทก์ที่จำเลยที่ ๑ ฎีกาว่า ศาลชั้นต้นกำหนดให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรามเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ ๕๐,๐๐๐ บาท ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยร่วม ค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์กับจำเลยร่วมให้เป็นพับ ให้จำเลยที่ ๑ ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลยร่วมโดยกำหนดค่าทนายความ ๑๐๐,๐๐๐ บาทนั้น จำเลยที่ ๑ ไม่น่าจะต้องรับภาระค่าใช้จ่ายในส่วนนี้เลย เห็นว่าคดีนี้ ทุนทรัพย์สูง จำเลยที่ ๑ ยื่นคำร้องขอให้เรียกจำเลยร่วมเข้ามาเป็นคู่ความ เมื่อจำเลยที่ ๑ เป็นฝ่ายแพ้คดีจึงต้องใช้ค่า ฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความแทนอีกฝ่ายหนึ่ง ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๖๑ และศาลชั้นต้นก็กำหนดค่าทนายความเหมาะสมแก่รูปคดีแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขเป็นอย่างอื่น
อนึ่ง ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยไม่ได้กำหนดค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ให้แก่จำเลยร่วมนั้น เห็นว่า เป็นการไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาเห็นควรแก้ไขเสียให้ถูกต้อง
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ ๑ ใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์แทนจำเลยร่วม ๑๐,๐๐๐ บาท และจำเลยที่ ๑ ใช้ค่าทนายความชั้นฎีกาแทนโจทก์และจำเลยร่วมคนละ ๒๐,๐๐๐ บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษา ศาลอุทธรณ์

Share