แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การนำความเท็จไปแจ้งแก่พนักงานอำเภอและพนักงานที่ดินว่าเจ้ามรดกมีทายาทเฉพาะแต่จำเลยเท่านั้น ความจริงเจ้ามรดกมีทายาทมากกว่านั้นอาจมีความผิดฐานแจ้งความเท็จได้ ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องจึงชอบที่จะฟังพยานโจทก์ให้สิ้นกระบวนความ (ฎีกาที่ 679/2470)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองบังอาจสมคบกันนำความเท็จมาแจ้งแก่นายจวง พนักงานสอบสวนอำเภอเมืองสมุทรสาคร และนายจำรัสพนักงานที่ดินอำเภอเมืองสมุทรสาครว่าจำเลยเป็นทายาทแต่เพียง 2 คนของนายกรับ นางอิ่ม ซึ่งวายชนม์ไปแล้วและจะขอรับมรดกที่ดินตามใบไต่สวนของนายกรับ นางอิ่มซึ่งหาเป็นความจริงไม่ ความจริงนายกรับ นางอิ่มมีทายาท 4 คน เจ้าพนักงานหลงเชื่อจึงประกาศชื่อรับมรดกให้แก่จำเลย เป็นเหตุให้เจ้าพนักงานและโจทก์เสียหายขอให้ลงโทษตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 118-63 ฯลฯ
ชั้นไต่สวนมูลฟ้องโจทก์สืบนายจำรัสเจ้าพนักงานที่ดินอำเภอได้1 ปากศาลสั่งงดสืบพยานโจทก์โดยเห็นว่าคดีพอจะวินิจฉัยได้แล้วและวินิจฉัยว่าไม่ปรากฏว่าจำเลยปกปิดทายาทแต่อย่างใด จำเลยเพียงแต่แจ้งว่าจำเลยเป็นทายาทผู้หนึ่ง ขอรับมรดกรายนี้เท่านั้นและเจ้าพนักงานต้องประกาศคำขอรับมรดกโจทก์จะต้องรู้เอาเองจากประกาศคำขอรับมรดกของเจ้าพนักงาน โจทก์ไม่มีอะไรจะเสียหายเพราะเหตุจำเลยไม่ได้แจ้งชื่อโจทก์ลงในบัญชีเครือญาติพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นไต่สวนพยานโจทก์จนสิ้นกระบวนความและพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าคดีนี้โจทก์ได้อ้างพยานบุคคลไว้ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องถึง 4 ปาก โจทก์เพียงสืบพยานนายจำรัสพนักงานที่ดินอำเภอได้เพียงปากเดียวแล้วศาลสั่งงดสืบพยานเสียโดยมิได้มีการบันทึกคำโจทก์ไว้ว่าจะสืบผู้ใด และมีข้อความว่าอย่างไรต่อไปหากโจทก์สืบพยานต่อไปได้ความสมจริงดังฟ้อง ฟ้องของโจทก์ก็มีมูลพอที่จะรับไว้พิจารณาได้ ตามนัยคำพิพากษาฎีกา 679/2470คดีระหว่างอัยการเพ็ชรบุรี โจทก์ นางปุ้ย จำเลย พิพากษายืน